
อินเทอร์เน็ตและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีช่วยให้โลกหมุนเร็วขึ้น โดยเฉพาะการสื่อสารที่ก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด คนที่อยู่คนละฟากของโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย
ปัจจุบันเทคโนโลยีได้แทรกซึมเข้าไปในทุกระบบและทุกกระบวนการบนโลกนี้แล้ว เศรษฐกิจก็เป็นหนึ่งในระบบที่ต้องอาศัยการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาสินค้าและบริการต่าง ๆ มากมาย จนกล่าวได้ว่า ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากเท่าไรเศรษฐกิจของท้องถิ่นและโลกก็จะพัฒนาได้เร็วขึ้นเท่านั้น ความสำคัญของเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจในโลกปัจจุบันนั้นจึงยากที่จะประเมินค่า
บทบาทของเทคโนโลยีในการพัฒนาเศรษฐกิจ
● เพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน เทคโนโลยีช่วยเพิ่มทักษะและขีดจำกัดในการทำงานของมนุษย์ เป็นตัวช่วยให้คนเราสามารถทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้หรือทำในสิ่งเดิมได้ไวขึ้น เช่น Chatbot ที่ช่วยตอบคำถามที่พบบ่อยโดยไม่ต้องรอคนดูแลเพจ ทำให้สามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้ไวยิ่งขึ้น ส่วนคนดูแลเพจก็สามารถไปทำงานอย่างอื่นที่มีประโยชน์เพิ่มได้อีก
● เพิ่มผลผลิต เมื่อประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น คนทำงานได้ดีและไวขึ้น แน่นอนว่าจำนวนผลผลิตย่อมมากขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่ตามมาคือรายได้และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจขยายตัวและเติบโต เมื่อหลาย ๆ ธุรกิจเติบโตก็หมายความว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตไปด้วยนั่นเอง
● พัฒนาการสื่อสาร การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การดำเนินงานราบรื่น ซึ่งเทคโนโลยีมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะในปัจจุบันมีทั้งแอพพลิเคชั่นและซอฟต์แวร์สำหรับการสื่อสารในเชิงธุรกิจให้เลือกใช้มากมาย หากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม เครื่องมือการสื่อสารเหล่านี้ก็จะช่วยพัฒนาธุรกิจได้มากเลยทีเดียว
● ลดการใช้ทรัพยากร เทคโนโลยีสามารถช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตโดยที่ไม่ต้องเสียทรัพยากรไปอย่างไร้ประโยชน์โดยไม่จำเป็น ทำให้ได้ผลผลิตมากกว่าในปริมาณทรัพยากรที่เท่ากัน
● พัฒนาคุณภาพสินค้า เมื่อเรามีเทคโนโลยีที่ดีและทันสมัยในการผลิตสินค้า คุณภาพของสินค้าก็จะมีคุณภาพดีขึ้นด้วย เช่น อุตสาหกรรมผลิตกล่องที่มีเครื่องตัดและพับกล่องกระดาษที่แม่นยำ ทำให้ได้กล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปิดได้มิดชิด ลูกค้าพอใจ
● ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จและการเติบโตของการค้าระหว่างประเทศ โดยมีบทบาทในการทำให้ธุรกิจสามารถแบ่งปันข้อมูลและดำเนินการค้าขายได้ในเวลาอันรวดเร็ว
10 เทรนด์เทคโนโลยีที่มีความสำคัญในปี 2020
● 5G Network (เครือข่าย 5G) เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเจนเนอร์เรชั่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อทุกคนและทุกอย่างเข้าด้วยกัน มีความเร็วกว่า 4G ถึง 10 เท่า และมีความหน่วงต่ำมาก จึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานส่วนบุคคลให้เข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น แต่ยังมีประโยชน์อย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในภาคอุตสาหกรรมด้วย เรียกได้ว่า เป็นอนาคตแห่งการสื่อสารเลยทีเดียว
● Internet of Things (IoT) (อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง) หมายถึง เครือข่ายของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันด้วยอินเทอร์เน็ต ทำให้อุปกรณ์แต่ละชนิดสามารถเก็บบันทึกและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ และทำให้เราสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้นผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การสั่งเปิด-ปิดไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านด้วยอุปกรณ์ควบคุม ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากหากนำมาใช้ในภาคธุรกิจ เพราะจะทำให้ประหยัดเวลาและสามารถควบคุมความปลอดภัยในการทำงานได้มากขึ้น
● Artificial Intelligence: AI (ปัญญาประดิษฐ์) AI คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสติปัญญาและทำงานต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การจดจำรูปภาพ คำพูด หรือรูปแบบการตัดสินใจ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังคงเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามองในปัจจุบัน เพราะส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิถีชีวิตและการทำงานของคนเรา ในปัจจุบันอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น เพราะ AI ยังพัฒนาไปได้อีกไกล หาก AI สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อไหร่ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน
● Edge Computing (การประมวลผลที่ขอบของเครือข่าย) ความเสียหายทางธุรกิจส่วนหนึ่งมาจากความล่าช้าในการประมวลผล ซึ่งเทคโนโลยี Edge computing นี้จะนำการประมวลผลข้อมูลมาใกล้กับแหล่งข้อมูลมากที่สุด เช่น บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้อุปกรณ์ IoT เพื่อลดความหน่วง แทนการส่งข้อมูลแบบเดิมที่ต้องนำไปประมวลผลบนคลาวด์หรือระบบประมวลผลส่วนกลางที่อยู่ไกลออกไป ส่งผลให้อุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อเครือข่าย Edge computing ทำงานได้เร็วกว่าเดิม ซึ่งเราสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในหุ่นยนต์หรือโดรนเพื่อให้สามารถประมวลผลและตอบสนองได้ไวยิ่งขึ้น
● Democratization of Technology (ความอิสระในการเข้าถึงเทคโนโลยี) คือ การที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษหรือใช้เวลาเรียนรู้มากนัก โดยแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาซอฟต์แวร์, การวิเคราะห์ข้อมูล, การออกแบบ และการเข้าถึงองค์ความรู้ ซึ่งหมายความว่าผู้คนจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้นและนำพาให้ทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมก้าวไปข้างหน้าด้วยอัตราที่เร็วกว่าเดิม
● Human Augmentation (อุปกรณ์เพิ่มขีดความสามารถ) เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสามารถของมนุษย์ในด้านการรับรู้และกายภาพ หรือ อาจเรียกได้ว่าเป็น อุปกรณ์เสริมพิเศษ เมื่อติดตั้งไปในร่างกายจะทำให้ขีดความสามารถทางด้านกายภาพที่มีอยู่เดิมเพิ่มขึ้นและช่วยให้ความสามารถในการคิดและตัดสินใจดีขึ้น ตัวอย่างของอุปกรณ์ที่สามารถพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Human Augmentation ได้แก่ แว่นตา, เครื่องกระตุ้นหัวใจ, ขาเทียม, นาฬิกา หรือสิ่งใด ๆ ที่สามารถอยู่ติดกับร่างกายคนเราได้ตลอดเวลา
● Distributed Cloud (ระบบคลาวด์แบบกระจาย) ในปัจจุบันการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์นั้นได้รับความนิยมในอุตสาหรรมทั่วโลก แต่เมื่อมีข้อมูลจำนวนมากจึงทำให้การประมวลผลมีความหน่วง เพื่อแก้ปัญหานี้จึงเกิดระบบระบบคลาวด์แบบกระจาย หรือ Distributed Cloud ขึ้นมา ซึ่งเป็นการกระจายการทำงานของบริการคลาวด์ไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลไวขึ้น ในขณะที่ผู้ให้บริการคลาวด์ต้นทางมีความรับผิดชอบในการควบคุมดูแลและพัฒนาการบริการ
● Autonomous Things (อุปกรณ์อัตโนมัติ) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ AI ในการทำงานแทนคำสั่งมนุษย์โดยอัตโนมัติ ที่เรารู้จักกันมากที่สุด คือ หุ่นยนต์ เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น, โดรน, ยานพาหนะไร้คนขับต่าง ๆ ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยี อุปกรณ์เหล่านี้จึงไม่ได้เพียงแค่ทำงานตามการตั้งค่า แต่เป็นการทำงานขั้นสูงของ AI ที่สามารถประมวลผลและตอบโต้กับสิ่งรอบข้างได้โดยไม่ต้องให้มนุษย์คอยกำกับดูแลทุกขั้นตอน ซึ่งในปัจจุบันอุปกรณ์อัตโนมัติเหล่านี้ก็เป็นที่ยอมรับและมีการนำมาใช้ในสาธารณะมากขึ้น
● Cybersecurity (ระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์) อาจไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่เอี่ยม แต่เป็นเทคโนโลยีที่มีวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการขยายตัวของเทคโนโลยีและโลกไซเบอร์มีภัยคุกคามใหม่ตลอดเวลา มีแฮกเกอร์ที่พยายามเข้าถึงข้อมูลอย่างผิดกฎหมายมากมาย ถึงแม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่และเข้มงวดแค่ไหน แฮกเกอร์ก็จะพยายามเจาะเข้ามาจนได้ ดังนั้นระบบรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ก็ต้องพัฒนาให้เข้มแข็งอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้คนตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวเช่นนี้
● Multiexperience (ประสบการณ์ใช้งานที่หลากหลาย) ในปัจจุบันผู้บริโภคกำลังมองหาประสบการณ์การเข้าชมสินค้าและบริการที่แตกต่างและน่าตื่นเต้นมากไปกว่าการเยี่ยมชมเว็บไซต์ธรรมดา ดังนั้นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการจึงต้องหลากหลายและน่าสนใจ หนึ่งแบรนด์หรือหนึ่งองค์กรจะมีช่องทางเข้าถึงเพียงทางเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเทคโนโลยี Multiexperience ที่สามารถให้องค์กรพัฒนาแอพลิเคชั่นไปยังอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและหลากหลายรูปแบบ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยี VR และ AR ที่มีความสำคัญมากในขณะนี้และต่อไปในอนาคต
อัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีระดับสูงที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมอันทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป เห็นได้จากประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเป็นทรัพยากรสำคัญในการประกอบธุรกิจและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและเศรษฐกิจโลก ดังนั้นหากองค์กรใดรู้จักใช้เทคโนโลยีและติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ และนำมาปรับใช้อยู่เสมอก็จะพัฒนาไปได้ไกลยิ่งกว่าเดิม
Source : gartner mobileappdaily simplilearn emarketer cioworldmagazine adpt.news simplilearn