
ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ (e-commerce) ใหญ่ที่สุดในโลกโดยข้อมูลในปี 2020 มีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลของ Priceza แพลตฟอร์มค้นหาสินค้าและเปรียบเทียบราคาสินค้าออนไลน์ อันดับ 1 ของประเทศไทยที่มีพาร์ทเนอร์ธุรกิจร่วมกันกับทั้ง 3 Marketplace ชั้นนำของประเทศไทยอย่าง Lazada Shopee JD Central ที่ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่มาจากประเทศจีน วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ดูว่า เมื่อสินค้าจีนบุกตลาดออนไลน์ในประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้น ?
จากข้อมูล Insights ปี 2018 พบว่ามีจำนวนสินค้าทั้งหมดใน 3 แพลตฟอร์ม (Lazada Shopee JD Central) มีจำนวนกว่า 74 ล้านชิ้น และภายใน 1 ปี มีจำนวนสินค้าเพิ่มขึ้น 2.4 เท่า หรือกว่า 174 ล้านชิ้นในปลายปี 2019 มากไปกว่านั้น ในจำนวน 174 ล้านชิ้นเป็นสินค้าที่มาจากต่างประเทศกว่า 77% หรือกว่า 135 ล้านชิ้น
นั่นหมายความว่า สินค้าที่เราเจอใน 3 แพลตฟอร์มส่วนใหญ่นั้นล้วนแล้วมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น เกือบ 80% เลยทีเดียว
สินค้าประเภทใดมาจากประเทศจีนมากที่สุด
อันดับ 1 สินค้าแฟชั่น
อันดับ 2 สินค้าเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ Gadget ต่างๆ
อันดับ 3 สินค้ากีฬา
ทำไมถึงมีสินค้าจีนเข้ามาถล่มในประเทศไทยมากมายขนาดนี้
Marketplace ทั้ง 3 รายมีการแข่งขันที่หนักหน่วงไม่จะเป็น Lazada Shopee JD Central ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ต้องแข่งกันคือ ความหลากหลายของสินค้า เจ้าไหนมีความหลากหลายของสินค้ามากกว่าก็จะทำให้แตกต่างจากเจ้าอื่น ยิ่งเอาสินค้าเข้ามาเยอะเท่าไหร่ ประกอบกับราคาที่ไม่แพงมากนัก ยิ่งทำให้ผู้บริโภคชื่นชอบ
ผู้ประกอบการไทยยังมีโอกาสแข่งขันได้หรือไม่?
สินค้าที่มาจากประเทศจีนมีราคาที่ไม่แพงมากนัก เป็นเพราะประเทศจีนเปรียบเสมือนโรงงานโลก ในแต่ละครั้งที่ผลิตสินค้าจึงมีปริมาณมหาศาล ทำให้ราคาสินค้าถูกแสนถูก หากผู้ประกอบการไทยจะแข่งขันทางด้านราคาอาจเสียเปรียบ
แต่ในขณะเดียวกัน หากสู้เรื่องราคาไม่ได้ลองเปลี่ยนมาที่ความปลอดภัยแทน เพราะ ผู้บริโภคบางกลุ่มอาจไม่ได้สนใจว่าสินค้านั้นจะราคาถูกแค่ไหน แต่สนใจในด้านความปลอดภัยมากกว่า อาทิ เมื่อคุณต้องการซื้อปลั๊กไฟ คุณก็ต้องใส่ใจด้านความปลอดภัยมากกว่าเป็นพิเศษ สินค้าผลิตประเทศไหน มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่า แต่ทำให้คุณสบายใจว่าใช้แล้วปลอดภัยแน่นอน
ในด้านบริการ การสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะสามารถทำให้คุณเอาชนะคู่แข่งได้ เช่น
1. ด้านการขนส่ง มีบริการส่งฟรี รวดเร็วภายในกี่ชั่วโมง
2. พื้นที่บริการครอบคลุมความต้องการหรือไม่
3. รับประกันสินค้า มีบริการหลังการขาย
4. ช่องทางการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค
อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการเพิ่มโอกาสการแข่งขันคือ ช่องทางการขาย ในประเทศไทยสามารถแบ่งช่องทางการขายได้ 3 ช่องทางใหญ่ๆได้แก่
1. Marketplace เช่น Lazada Shopee JD Central
2. Social Media เช่น Facebook Line Instagram Twitter
3. Website เช่น Aliexpress หรือการสร้างเว็บไซต์สินค้าของตนเองขึ้นมา
ช่องทางที่ได้รับความนิยม และยังคงมีแต่พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยส่วนใหญ่ เห็นจะเป็น Social Media หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Social Commerce เนื่องจากคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอสินค้าเป็นอย่างมาก เช่นไลฟ์สด (Live) ขายสินค้าผ่านทางวีดีโอ จึงทำให้ได้รับความสนใจและความนิยมสูงในกลุ่มผู้บริโภค ประกอบกับเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคของคนไทยมากที่สุด
ถ้าวันนี้คุณต้องแข่งกับสินค้าจีนที่มีสินค้าเป็นร้อยล้านชิ้น ผู้ประกอบการไทยไม่ถือว่าเสียเปรียบหรือเสียโอกาสไปซะทีเดียว เพียงแต่คุณต้องตกผลึกว่าสินค้าของคุณมีเอกลักษณ์ แตกต่างจากสินค้าอื่นอย่างไร มีการบริการหลังการขาย เพื่อสร้างความประทับใจอย่างไร และมีตัวเลือกช่องทางการขายที่ครอบคลุมหรือไม่ สิ่งเหล่านี้คือวิธีการที่จะทำให้คุณสามารถต่อสู้กับพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนได้
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ