การระบาดของโรค COVID-19 มีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของประชาชนทั่วโลก และยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมทั่วโลกเช่นกัน อาหารและเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ประสบกับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19
ถึงแม้ ณ ขณะนี้อุตสาหกรรมอาหารยังไม่หยุดชะงักเนื่องจากแหล่งอาหารยังมีเพียงพอและตลาดยังคงเปิด แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว
ความกลัวต่อการระบาดของ COVID-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งยังมีข่าวลือผิด ๆ บนโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความกลัวต่อผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ทำให้อุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหารทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าพฤติกรรมในการบริโภคและความคิดเกี่ยวกับอาหารเหล่านี้จะส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว
ผลกระทบของ COVID-19 ต่ออุตสาหกรรมอาหาร
- ความถี่ในการเดินซื้ออาหารน้อยลง มาตรการป้องกันการแพร่เชื้อของรัฐบาลเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้คนออกจากบ้านน้อยลง แต่สาเหตุที่มีน้ำหนักมากกว่า คือ ความกลัวการติดต่อของโรค เนื่องจากไม่ต้องการออกไปพบปะคนแปลกหน้าบ่อยนัก ด้วยลักษณะการแพร่กระจายของCOVID-19 ที่ถ่ายทอดได้ง่ายผ่านความใกล้ชิด จึงทำให้ผู้คนออกไปเดินตลาดน้อยครั้งลง แต่เปลี่ยนมาเป็นซื้อคราวละมาก ๆ สำหรับกินหลาย ๆ วัน หรือหันไปสั่งซื้ออาหารผ่านช่องทางออนไลน์แทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ค้าขายอาหารอย่างแน่นอน โดยผลกระทบในด้านพฤติกรรมการบริโภคนี้มีแนวโน้มว่าจะหนักที่สุดในเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น และอาจส่งผลในระยะยาว
- อาหารจะถูกมองว่าเป็นตัวกลางในการแพร่เชื้อ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผลวิจัยยืนยันว่าอาหารเป็นตัวกลางในการแพร่เชื้อ COVID-19 แต่เชื่อว่าคนก็ยังคงกลัวการติดเชื้อจากอาหาร เนื่องจากอาหารเป็นสิ่งที่คนเราต้องนำเข้าสู่ร่างกาย หากอาหารมีการปนเปื้อนเชื้อโรคก็หมายความว่าเราจะได้รับเชื้อโรคไปด้วย ทำให้คนระวังตัวเองกับการเลือกซื้ออาหารมากขึ้น ไม่ได้ซื้ออะไรที่อยากกินไปหมดอีกต่อไป
- การรับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง การระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารและวัฒนธรรมของการรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นอย่างมาก บวกกับมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกันเพื่อลดการแพร่กระจายของCOVID-19 ก็ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดกระแสนิยมการรับประทานอาหารที่บ้านมากขึ้น
- เห็นได้ชัดจากข้อมูลของร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม OpenTable (แพลตฟอร์มให้บริการจองร้านอาหารออนไลน์) ว่าการจองลดลงอย่างมากในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของCOVID-19 และยืนยันอีกเสียงด้วย ข้อมูลจาก CivicScience ที่พบว่าคนในสหรัฐฯ รับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลงอย่างมากในช่วงวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของCOVID-19 ซึ่งคาดว่าประเทศอื่น ๆ ในช่วงนี้ก็คงไม่ต่างกัน และคาดว่าน่าจะส่งผลในระยะยาวด้วย เพราะผู้คนยังไม่อยากจะใกล้ชิดกับคนแปลกหน้า แม้สถาณการณ์จะดีขึ้นแล้วก็ตาม
- อาหารสดถูกทิ้งมากขึ้น ในช่วงเวลาปกติไม่มีโรคระบาด คนเราจะไปตลาดบ่อยแค่ไหนก็ได้ สามารถซื้อวัตถุดิบในการปรุงอาหารได้แบบไม่ต้องคิดมาก แต่ในช่วงเวลานี้ ผู้คนไม่สามารถใช้เวลานอกบ้านได้ตามใจต้องการ โดยเฉพาะสถานที่ที่คนพลุกพล่าน เช่น ตลาด ทำให้ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะซื้อวัตถุดิบอะไรและเท่าไหร่บ้างถึงจะเพียงพอสำหรับการทำอาหารอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนจะซื้อเผื่อไว้ก่อน ดีกว่าไม่เพียงพอ ซึ่งบางครั้งอาจมากเกินไปจนใช้ไม่หมด สุดท้ายก็เน่าเสียและต้องทิ้งไปอย่างน่่าเสียดาย อีกเหตุผลหนึ่งคือการตื่นตระหนกจนกักตุนอาหารจนเกินจำเป็น และสุดท้ายคือความต้องการของตลาดลดลงทำให้อาหารสดในสต็อกขายไม่หมดและเน่าเสียไปในที่สุด
- ไม่เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหาร ด้วยการแพร่ระบาดของ COVID-19 งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารถูกยกเลิกไปหมด ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ การติดต่อสื่อสารเพื่อให้เกิดพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มใหม่ ๆ นั้นลดลง หลายบริษัทที่เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน Expo ต้องผิดหวังไปตาม ๆ กัน เพราะถึงแม้จะมีช่องทางอื่นในการนำเสนอ แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังแย่ ผู้คนกำลังหวั่นวิตก ก็คงไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างแน่นอน
วิธีการป้องกันและรักษาความสะอาดในธุรกิจอาหารในช่วงCOVID-19
อาหารเป็นผู้ต้องสงสัยในการเป็นตัวกลางในการแพร่เชื้อ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้หากผู้สัมผัสอาหารมีเชื้อไวรัสและนำไปสู่การปนเปื้อนบนพื้นผิวต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทำอาหาร เขียงโต๊ะ อาหาร และพื้นที่เตรียมอาหาร จนทำให้พนักงานคนอื่น ๆ หรือลูกค้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสไปด้วย ดังนั้นการป้องกันและรักษาสุขอนามัยในอุตสาหกรรมอาหารจึงต้องครอบคลุมทั้งการจัดการภายในและการป้องกันการนำเชื้อมากระจายจากภายนอก
- อันดับแรกต้องตรวจสอบคนในองค์กร ว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อCOVID-19 หรือไม่ ด้วยคำถามต่อไปนี้
- เพิ่งเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของ COVID-19 หรือไม่?
- ได้ใกล้ชิดกับคนที่ได้รับการยืนยันจากผลตรวจว่าเป็น COVID-19 ในช่วง 14 วันที่ผ่านมาหรือไม่?
- มีไข้สูงกว่า 38.0 ° C หรือมีอาการของโรคทางเดินหายใจ เช่น ไอ หายใจหอบถี่ หรือหายใจลำบากหรือไม่
ซึ่งหากมีใครตอบว่า ใช่ ในข้อใดข้อหนึ่ง จะต้องถูกแยกออกจากสถานที่ทำงานและตรวจสุขภาพทันที
- มีกฎที่เคร่งครัดในการดูแลรักษาความสะอาดในการทำงานที่ต้องสัมผัสอาหาร ได้แก่ การล้างมือบ่อย ๆ เช่น ล้างมือก่อนเตรียมอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ และหลังจากสัมผัสใบหน้าหรือเส้นผม
- ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ทำอาหาร และพื้นผิวที่สัมผัสเป็นประจำ เช่น มือจับประตู สวิตช์ไฟ พื้น ผนัง โต๊ะ เก้าอี้ โดยให้ทำความสะอาดพื้นผิวอย่างทั่วถึงด้วยแอลกอฮอล์และสารทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อได้
- มีการอบรมเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคลและวิธีการล้างมืออย่างถูกต้องให้กับพนักงานทุกคน พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับ COVID-19 ด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ ไม่มีใครเคยพบมาก่อน เจ้าของธุรกิจจึงต้องศึกษาเรียนรู้และนำความรู้นั้นมาส่งต่อให้แก่พนักงาน
- จำกัดจำนวนคนที่ต้องสัมผัสกับพื้นที่การผลิตอาหารหรือห้องครัวให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ วิธีนี้จะช่วยจำกัดการแพร่กระจายของ COVID-19 ผ่านอาหารและลดการแพร่เชื้อระหว่างพนักงานด้วยกันเอง
- จำกัดการพบปะของคนในองค์กรให้มากที่สุด เช่น การประชุมออนไลน์ การประชุมแบบสั้นน้อยกว่า 15 นาที หากต้องการปรึกษางานให้ใช้การโทรหรือแชทแทนการเดินไปหากัน รวมถึงมีมาตรการห้ามการรวมตัวกันในพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ ด้วย
- เสนอการชำระเงินแบบออนไลน์ พยายามให้ร้านและลูกค้าไร้การสัมผัสเงินให้มากที่สุดหากเป็นไปได้
การรักษาความสะอาดและการสร้างปราการอันแข็งแรงเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคมีความสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมอาหาร เพราะอาหารเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตของทุกคน ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตแค่ไหนคนเราก็ไม่สามารถงดรับประทานอาหารได้ ถ้าอาหารปนเปื้อนไปด้วยเชื้อโรค แน่นอนว่าเชื้อจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในเวลานี้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอาหารจึงต้องเข้มงวดในการป้องกันและรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ ถึงแม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะคลี่คลายลงแล้ว แต่การ์ดป้องกันต้องอย่าตกเด็ดขาด!
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ
