หน้าแรก สุขภาพ วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด เลือกอย่างไรให้เหมาะ ใช้ถูกกับทุกสภาพผิว

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด เลือกอย่างไรให้เหมาะ ใช้ถูกกับทุกสภาพผิว

เคล็ดลับง่ายๆ วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด ไอเท็มสำคัญช่วงหน้าร้อน ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ หรือหนุ่มก็ควรมีพกกันไว้ในกระเป๋านะคะ เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนัง

5329
วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด

ร้อนมากค่ะซิส ออกจากบ้านแต่ละครั้งนึกว่าเดินกลางทะเลทรายแสบผิวไปหมด ถ้าไม่อยากผิวพังพวกเธอต้องไม่ลืมทา ครีมกันแดด อยู่เสมอนะ เพราะไม่ว่าจะเป็นแดดในฤดูไหน ๆ พวกมันก็น่ากลัวทำผิวเราเกรียมได้เลยนะคะ วันนี้ข้าวฟ่างเลยมีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อครีมกันแดดมาฝาก ก็แหมมันมีตั้งหลายยี่ห้อ หลายประเภทอะเนอะ ใครที่ไม่ค่อยชำนาญเลือกไม่ถูกแน่ แต่ก่อนไปถึงวิธีเลือกซื้อครีมกันแดด เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ตัวการที่ทำให้ผิวเสียกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่ามันคืออะไร?

รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) คืออะไร?

แสงแดดหรือคลื่นรังสีที่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาได้ ซึ่งถ้าเราได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (ยูวี) เมื่อเราได้รับคลื่นรังสีความร้อนหรือรังสีอัลตราไวโอเลต รังสีจะผ่านเข้าไปสู่ชั้นผิว และกระตุ้นการสร้างเมลานิล ตัวการสร้างเม็ดสีผิว จะทำให้ผิวเราเป็นสีแทน หรือเกิดรอยหมองคล้ำได้ หากได้รับในปริมาณมากอาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ รูปแบบของรังสียูวี จะมี 3 ประเภทหลักๆ คือ

  • รังสี UVA (A หมายถึง Aging) เป็นรังสีที่มีคลื่นความถี่อยู่ที่ประมาณ 315-400 มีค่าพลังงานอยู่ที่ 3.10–3.94 สามารถทำอันตรายต่อผิวเราได้ในระดับ DNA ซึ่งถ้าได้รับรังสีระดับนี้บ่อยๆ กับผิว จะส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวแสบแดง และถ้าได้รับในปริมาณมากอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้
  • รังสี UVB (ฺฺB หมายถึง Burning) เป็นรังสีที่มีคลื่นความถี่ประมาณ 280-315 มีค่าพลังงานอยู่ที่ 3.94–4.43 อันตรายกว่ารังสี UVA ทำให้เกิดอันตรายกับผิวได้โดยตรงในระดับ DNA จะทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ มาเต็มเลยจ้า และถ้าได้รับในปริมาณมากอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
  • รังสี UVC เป็นรังสีที่มีคลื่นความถี่อยู่ที่ประมาณ 100-280 มีค่าพลังงานอยู่ที่ 4.43–12.4 ถึงจะเป็นคลื่นความถี่ที่สั้นแต่ค่าพลังงานเยอะสุดเลยจ้า มีอันตรายมากกว่ารังสี UVA และ รังสี UVB แต่เนื่องจากรังสีชนิดนี้ไม่สามารถเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาได้ จึงไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับผิวเรา

ครีมกันแดด รังสี uva uvb

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเข้นข้นของแสงแดด

  • ช่วงเวลา : ช่วงเวลาที่แสงแดดมีอันตรายต่อผิวเรามากที่สุดคือช่วง 10.00 น. ถึง 16.00 น.
  • ฤดูกาล : ช่วงหน้าร้อน ถ้าเป็นประเทศไทย หน้าร้อนของเราจะอยู่ที่ ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม เป็นระยะที่ขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ เดือนเมษายนจึงเป็นเดือนที่ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่ลำแสงของดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับผิวโลก จีงเป็นสาเหตว่าทำไมช่วงนี้ถึงร้อนเพราะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์อย่างเต็มที่นั่นเอง
  • ระดับความสูง : ยิ่งความสูงมากขึ้นค่าของรังสียูวีจะเพิ่มมากขึ้น
  • ความหนาแน่นของก้อนเมฆ : ผลกระทบของแสงที่เกิดจากก้อนเมฆจะมีหลายลักษณะเช่น เมฆบางชนิดจะป้องกันแสงที่จะส่งผลกระทบลงมาบนผิวโลก ทำให้แสงที่ส่งลงมาลดน้อยลง แต่ก็ยังมีเมฆบางชนิดที่สามารถสะท้อนแสงได้ด้วย ในบางครั้งเพียงแค่เห็นว่าเมฆมากก็ใช่ว่าจะปลอดภัยนะคะทางที่ดี หาวิธีป้องกันไว้ตลอดดีกว่า
  • ระยะทางจากเส้นศูนย์สูตร : ถ้าหากเราอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากเท่าไหร่ก็จะได้รับอันตรายจะแสงแดดลดน้อยลง

การที่แสงแดดจะส่งผลกับผิวเราอาจจะขึ้นอยู่กับการป้องกันในด้านต่างๆ ด้วยเช่น ระยะเวลาที่เราได้รับแสงแดด, การใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด, การเลือกทาครีมกันแดดที่เหมาะสม พอจะรู้จักรังสีอัลตราไวโอเลตกันไปบ้างแล้วงั้นเรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในการป้องกันแสงแดดกัน

 

SPF และ PA ค่านี้สำคัญอย่างไร

SPF และ PA เป็นหนึ่งสิ่งที่จะต้องมาคู่กับผลิตภัณฑ์กันแดดเสมอ ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยคำว่า SPF หรือ PA แถมมี + มาอีกยิ่งดูก็ยิ่งงง บางคนเห็น  + เยอะ SPF เยอะก็เลือกอันนั้นแหละ ก็นะมันเยอะสุดแล้วนี่ แต่จริงๆ แล้วข้าวฟ่างอยากจะบอกว่าบางครั้งกิจกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางครั้งอยู่ในห้องแอร์, บางที่อาจจะทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็ควรเลือกให้เหมาะนะคะ งั้นเรามาดูความหมายของแต่ละตัวกันเลย เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อกันค่ะ

ครีมกันแดด รังสี uva uvbSPF คืออะไร?

จำนวนของค่า SPF (Sun Protection Factor) จะเป็นตัววัดความสามารถในการป้องกันผิวเราจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV)B ซึ่งถ้าพูดง่ายๆ ก็คือระยะเวลาที่เราสามารถอยู่กลางแดดได้ เพื่อไม่ให้ผิวไหม้เกรียม, หมองคล้ำ หรือเกิดเป็นฝ้ากระ และยังส่งผลไม่ให้เกิดการก่อตัวของมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

ตัวอย่างการคำนวณ เช่น เราสามารถอยู่กลางแดดได้ประมาณ 10 นาทีแดดจึงจะเริ่มการเผาไหม้ ถ้าหากเราทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ก็จะช่วยให้เราป้องกันแสงแดดได้ 300 นาที (10 นาที x 30) นั่นหมายถึงว่าเราสามารถอยู่กลางแดดได้ต่ออีก 5 ชั่วโมงนั่นเองค่ะ

ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ออกมาหลายขนาดให้เลือกใช้กัน หลายๆ คนอาจจะคิดว่ายิ่งใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF เยอะๆ จะช่วยให้กันได้ 100% แต่จริงๆ แล้วไม่มีครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้สูงขนาดนั้น เพราะครีมกันแดดที่มีค่าสูงๆ อย่างเช่น SPF 75 หรือ SPF 100 ความสามารถที่จะป้องกันได้สูงสุดก็เทียบเท่า SPF 30 หรือ SPF 50 หรือการป้องกันรังสี UVB ได้ทั้งหมด 98% เท่านั้นเอง

  • SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ทั้งหมด 93%
  • SPF 25 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ทั้งหมด 96%
  • SPF 30 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ทั้งหมด 97%
  • SPF 50 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ทั้งหมด 98%

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด SPF

PA คืออะไร?

ครีมกันแดด ที่มีตัวอักษร PA และมีเครื่องหมาย + ตามหลัง เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงระดับความสามารถที่จะป้องกัน รังสี UVA ความอันตรายของรังสี UVA อาจจะไม่ได้แสดงให้เห็นได้ชัดเพราะจะทำอันตรายกับผิวในระดับลึกของผิวหนัง ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย ผิวหนังหย่อนคล้อย

  • PA+ การป้องกันรังสี UVA
  • PA++ การป้องกันรังสี UVA ระดับปานกลาง
  • PA+++ การป้องกันรังสี UVA ระดับสูง
  • PA++++ การป้องกันรังสี UVA ระดับสูงมาก

ครีมกันแดดคืออะไร มีกี่ประเภท?

สารที่ช่วยป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี Ultraviolet (UV) ที่อันตรายจากดวงอาทิตย์ เพื่อปกป้องผิวไม่ให้เกิดรอยด่างดำ หรือปกป้องผิวไม่ให้เกิดมะเร็งผิวหนัง มีการทำหน้าที่ 2 แบบ

  • ทำหน้าที่ในการกระจายแสง สะท้อน รังสีออกไปจากร่ายกายของเรา
  • ดูดซับ รังสีอัลตราไวโอเลต ก่อนที่จะทำร้ายผิว

ประเภทของครีมกันแดด

โดยทั่วไปเราสามารถแยกประเภทครีมกันแดดได้ออกเป็น 2 ประเภท คือ Physical และ Chemical แต่ครีมกันแดดที่วางขายในปัจจุบัน มักจะถูกแยกย่อยออกตามลักษณะการใช้งาน และคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติม ได้ดังนี้

  • Physical Sunscreen ที่ป้องกันผิวด้วยการสะท้อนรังสี UV ออกจากผิวหนัง สังเกตได้จากส่วนผสมของครีมกันแดดจะประกอบด้วยสาร Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide ทาเสร็จแล้วออกแดดได้ทันที สีค่อนข้างขาววอกต้องระวัง ระคายผิวน้อย เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย ไม่ค่อยเกาะผิวถ้าเหงื่อออกต้องทาซ้ำ ต้องชำระล้างออกให้ดีเพื่อป้องกันการอุดตัน

ตัวอย่างครีมกันแดด Physical SmoothE Phisical White Baby Face, Banana Boat, SpectraBAN, Provamed Sun Face, Mizumi UV Water Serum, La roche Posay Anti-shine Anthelios เป็นต้น

  • Chemical Sunscreen ใช้หลักการดูดซับ UV ก่อนที่มันจะผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังของเรา อาจมีสารมากกว่า 1 ชนิดในการเป็นส่วนผสมหลัก เช่น PABA Oxybenzone, Octinoxate, Methyl anthranilate เป็นต้น (ที่ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะบอกอยู่แล้วว่าเป็นชนิดอะไร) ต้องทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 – 30 นาที มีโอกาสระคายเคืองสูงกว่า และมีราคาจะถูกกว่าแบบ Physical มักไม่นิยมใช้กับใบหน้า แต่ ณ ปี 2019 แทบจะไม่มีกันแดดแบบเคมิคัลเพียว ๆ วางขายแล้ว แต่จะเป็นการใส่ส่วนผสมทางเคมีไปเพิ่มประสิทธิภาพการกันแดดในแบบฟิสิคัลมากกว่า รวมไปถึงสารบางตัวยังถูกแบนในบางประเทศด้วย เนื่องจากพบว่ามันส่งผลอันตรายต่อสัตว์ทะเล กรณีเราทาไปเล่นน้ำ
  • Broad spectrum เป็นครีมกันแดดที่มีทั้งความสามารถทั้งสะท้อนรังสี และดูดซับรังสียูวี แนะนำว่าควรใช้แบบนี้นะ!!
  • Facial Sunscreen ครีมกันแดดสำหรับทาหน้า ออกแบบมาเพื่อใช้กับผิวหน้าที่บอบบางกว่าผิวตัวโดยเฉพาะ ใครเป็นสิว ผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้แบบนี้
  • Body Sunscreen ครีมกันแดดสำหรับทาตัว ไม่เหมาะที่จะเอามาทาหน้า แต่จริง ๆ ก็ทาได้แหละถ้าคุณไม่แพ้ หรืออุดตัน
  • Water Resistant Sunscreen กันน้ำในที่นี้ รวมไปถึงเหงื่อด้วย ซึ่งคุณสมบัตินี้จะช่วยลดโอกาสเสื่อมของสารกันแดดเมื่อถูกของเหลว ทำให้กันแดดได้นานขึ้น

วิธีเลือกซื้อครีมกันแดด ต้องดูอะไรบ้าง

  1. อ่านส่วนผสม : นอกจากสารกันแดดทั้งที่เป็น Physical และ Chemical แล้ว ภายในครีมกันแดดยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่มีประโยชน์และอาจเป็นโทษต่อผู้ใช้หลายอย่าง อาทิ ส่วนประกอบที่ประโยชน์จำพวกสารบำรุงผิว วิตามิน สารควบคุมความมัน เป็นต้น หรือสารที่อาจจะทำให้ก่อให้เกิดการแพ้ เช่น น้ำหอม พาราเบน มิเนอรัลออยล์ ซิลิโคน ฯลฯ จัดเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่าต่อให้กันแดดได้ดีแค่ไหน ถ้าคุณใช้แล้วเกิดอาการแพ้ อุดตัน สิวขึ้น มันก็มีแต่จะสร้างปัญหาแย่ ๆ ให้กับผิวของคุณ
  2. ดูค่าในการป้องกันแสงแดด หรือจำนวนของ SPF : ตามคำแนะนำของ American Academy of Dermatology แนะนำให้ใช้ SPF ที่มีขนาด 30 หรือสูงกว่า แต่ต้องระวังว่ายิ่ง SPF สูงมันก็จะยิ่งเหนอะหนะ ยิ่งเนื้อหนา ยกเว้นในบางยี่ห้อที่ผลิตด้วยเทคนิคพิเศษทำให้ลบจุดด้วยในส่วนนั้นไป
  3. สังเกตกิจกรรมที่ทำ : ถ้ามีการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF ที่ไม่ต่ำกว่า 50 เพราะจะได้รับการป้องกันถึง 98% จะได้ไม่ต้องทาบ่อย ๆ ค่ะ ที่สำคัญเลยคือครีมกันแดดจะต้องมีค่า PA++ ขึ้นไปถึงจะมีประสิทธิภาพป้องการความแรงของแดดประเทศไทยได้ แต่ถ้านั่งทำงานในออฟิศแค่ 30 ก็เพียงพอแล้ว
  4. เลือกคุณสมบัติพิเศษที่เหมาะกับกิจกรรม : ควรใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำ เพราะบางครั้งเรามีเหงื่ออาจจะทำให้ประสิทธิภาพของการกันแดดลดลง หรือการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่นการว่ายน้ำ, ออกกำลังกายกลางแจ้ง
  5. แมทช์สีและเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผิว :โดยทั่วไปครีมกันแดดจะมีสีออกขาว แต่บางแบรนด์ได้มีการใส่สีเพิ่มเพื่อให้ไม่ดูหลอกตาจนน่าเกลียด หรือที่เราเรียกกันว่าหน้าวอกนั่นเอง นอกจากนี้เรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์ก็มีความสำคัญไม่แพ้ปัจจัยข้ออื่น ๆ เนื่องจากการเลือกเนื้อครีมที่ไม่เหมาะกับผิวอาจทำให้เกิดการอุดตัน ผิวมันเพิ่มขึ้นก็เป็นได้

ลักษณะเนื้อครีมกันแดดแต่ละแบบ

  • กันแดดเนื้อครีม : เป็นกันแดดเนื้อดังเดิม เหมาะกับทุกสภาพผิว สามารถอัดสารบำรุงเข้าไปในผลิตภัณฑ์ได้เยอะ เนื้อจะเป็นสีขาว ๆ อาจมีความเหนอะแต่ไม่มาก (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ) หรืออาจใส่สีธรรมชาติตามโทนผิวมาให้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นบางตัวยังสามารถใช้แทนเมคอัพเบสได้
  • กันแดดเนื้อน้ำนม/เนื้อมูส : จะคล้าย ๆ กับเนื้อครีมแต่จะเหลวกว่า บางเบาเกลี่ยง่ายกว่า ลดโอกาสหน้าวอก
  • กันแดดเนื้อเจล : เป็นกันแดดที่ทาแล้วสบายผิที่สุด ทาแล้วเหมือนไม่ได้ทา หายไปกับผิวหน้า เหมาะกับคนผิวมัน มีปัญหาสิว หรือคนที่มีลักษณะผิวแพ้ง่าย
  • กันแดดแบบสเปรย์ : ส่วนใหญ่จะเป็นกันแดดตัว ใช้งานง่ายแค่ฉีดพ่นไปบนผิวแล้วลูบไล้ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการปกป้อง
  • รองพื้น CC BB ผสมสารกันแดด : เป็นสิ่งที่ช่วยลดขั้นตอนการใช้ลงได้เยอะมาก ปกติต้องทาครีมกันแดด แล้วค่อยลงรองพื้น ไม่ต้องทาครีมอย่างเดียว

อาหารแบบไหน? เสริมภูมิต้านทานผิวได้ ยิ่งกิน ยิ่งผิวดี

  • สารเบต้าแคโรทีน (ฺBeta-carotene) เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยส์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในส่วนของผิวหย่อนคล้อย หรือฟื้นฟุผิวได้ ส่วนมากมักจะพบสารชนิดนี้ใน ผักผลไม้ที่มีสีเหลือง หรือสีส้ม เช่น แครอท, ฟักทอง, ,มะละกอ, สับปะรด
  • สารโพลีฟีนอล (Pholyphenols) เป็นสารที่ช่วยในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากจะได้ในส่วนของผิวแล้วยังช่วยกระตุ้นการสร้างความร้อนในร่างการ ทำให้เกิดการเผาพลาญพลังงาน ช่วยลดระดับไขมันและ cholesterol ได้ สารชนิดนี้มักพบใน มัลเบอร์รี่, สารสกัดจากเมล็ดองุ่น, กระชายดำ
  • สารไลโคปีน (Lycopene) เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยส์ เช่นเดียวกับสารเบต้าแคโรทีน นอกจากจะช่วยในเรื่องของผิวพรรณแล้วยังช่วยในเรื่องของ การป้องกันการเกิดมะเร็งและ การสลายไขมันในเส้นเลือด
  • วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องของการเสริมสร้างภูมิต้านทาน และต่อต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวทำให้ผิวสดใสดูสุขภาพดี ช่วยซ่อมแซมผิวให้ดูเรียบเนียน วิตามินซีส่วนมากจะพบในผักผลไม้ตามธรมชาติ เช่น ส้ม, มะนาว, ฝรั่ง, มะขามป้อม, ส้มโอ
  • วิตามินอี (Vitamin E) เป็นสารที่จัดอยู่ในรูปของโทโคฟีรอล ที่มีส่วนช่วยในเรื่องของการต่อต้านอนุมูลอสระ ควบคุมการทำงานของเอมไซม์ และเป็นองค์ประกอบการทำงานสำคัญของเส้นประสาทต่างๆ และที่สำคัญช่วนชะลอความแก่ได้ สำหรับวิตามินอี ส่วนมากมักจะพบในน้ำมันจากธัญพืชต่างๆ พืชตระกูลถั่วหรือผักใบเขียว
  • วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ดีในไขมัน การที่ร่างกายจะนำไปใช้ ต้องอาศัยไขมันหรือแร่ธาตุต่างเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งร่างกายของเราสามารถเก็บไว้ใช้งานในรูปแบบของไขมันได้นานถึง 1-2 ปี มีส่วนช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ช่วยลดจุดด่างดำ และการอักเสบของผิวหนัง ส่วนมากมักจะพบใน ไข่ นม หรือตับ

สรุปสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับครีมกันแดด

  • ควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นลักษณะของ “broad spectrum” เพราะสามารถช่วยป้องกันได้ทั้งแบบ UVA และ UVB
  • ตามคำแนะนำของ Skin Center ควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที
  • ใช้กันแดดที่สามารถกันน้ำ และมีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า
  • อย่างน้อยควรใช้ ประมาณ 1 ออนซ์ (2 ช้อนโต๊ะ) หรือ 2 เม็ดถั่วเขียวสำหรับใบหน้า หรือง่ายที่สุดให้สังเกตว่ามันทาทั่วใบหน้าหรือยัง
  • อย่าลืมทาคอด้วยนะจ้ะ หน้าขาวคอดำ เดี๊ยนว่ามันไม่โอหรอก
  • ควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เวลาที่มีเหงื่อออกหรือ หลังจากการว่ายน้ำ
  • ใช้ครีมกันแดดในทุกๆ วันแม้ว่าจะมีแดดหรือไม่มีแดดก็ตาม เพราะนอกจากแสงแดดที่ทำร้ายผิวเราได้เล้ว ยังมีทั้งแสงจากหลอดไฟ หรือจอคอมที่อันตรายไม่แพ้กันจ้า
  • นอกจากจะใช้ครีมกันแดดแล้ว อุปกรณ์อื่นๆ ก้สามารถช่วยกันแดดได้อีกด้วย เช่น หมวกปีกกว้าง, แว่นตากันแดด, ร่ม

บทส่งท้าย

เป็นไงบ้าง สำหรับวิธีเลือกซื้อครีมกันแดด กับ Top 5 Sunscreen ครีมกันแดด ยอดฮิต ที่แม่คัดมาให้ คุ้นชื่อกันแน่นอน บอกเลยคุณสมบัติแน่นเอี้ยดเลยมั้ยล่ะ ไม่งง ไม่เมาแดดจนเลือกไม่ถูกกันแล้วเนอะ แม้จะมีครีมกันแดดเป็นไอเท็มเด็ดช่วยปกป้องผิวภายนอกจากรังสี UVA/UVB แล้ว ก็อย่าลืมบำรุงผิวจากภายในด้วยวิตามินหรืออาหารเสริมให้ผิวดีผิวเนียน สวยขึ้นไปอีกนะหนู ๆ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อ้างอิงข้อมูล : badgerbalm.com, paulaschoice.com, skincancer.org, cancer.org , skincarecenterderm.com,consumerreports.org, colorescience.com, paulaschoice.com