
“…โลกก้าวไปไกลแล้ว เทคนิคการขายจะย่ำอยู่กับที่ได้อย่างไร…”
โลกเรามีความซับซ้อนมากขึ้น การทำธุรกิจก็มีความซับซ้อนมากขึ้นในทุกระดับ เมื่อก่อนที่คู่แข่งในธุรกิจไม่มากนัก เพียงแค่บอกว่าสินค้านี้ดีอย่างไร ก็อาจมีโอกาสขายได้ แต่ในเวลานี้การขายด้วยวิธีนั้นอาจไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะคู่แข่งมากมาย ร้านค้าและธุรกิจผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ลูกค้าพร้อมจะเดินผ่านคุณได้ตลอดเวลาทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ คนที่สามารถขายได้อย่างน่าสนใจเท่านั้นที่จะดึงดูดลูกค้าได้ เพราะฉะนั้นการขายอย่างมีทักษะและชั้นเชิงจึงสำคัญ
“ทักษะการขาย” เป็นทักษะที่สำคัญในทุกธุรกิจที่ต้องการอัตราซื้ออย่างต่อเนื่องจากลูกค้า เจ้าของธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ หากต้องการให้ธุรกิจก้าวหน้าก็ต้องรู้ทักษะการขายที่ดีและทันสมัย ซึ่งทุกวันนี้ทุกคนในทุกสายงานต่างก็กำลัง “ขาย” อะไรบางอย่างอยู่ เช่น ผู้สมัครงานจะต้อง “ขาย” ความสามารถตัวเองเพื่อที่จะได้รับการว่าจ้าง เราอาจเป็นตัวแทนขายโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว เช่น ในตอนเด็กที่ขอแม่ซื้อโทรศัพท์ใหม่ หรือตอนชวนเพื่อนไปเที่ยวที่ใช้การโน้มน้าวทุกวิถีทาง เป็นต้น
ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจของตัวเองหรือทำงานให้บริษัท หากงานนั้นเกี่ยวข้องกับการขาย เราจำเป็นต้องอัปเดตทักษะการขายให้ดียิ่งขึ้น
เทคนิคการขายในปี 2020
ทักษะที่สำคัญในการขาย คือ การสื่อสาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ชักชวนให้ซื้อซ้ำ ๆ ดังนั้นการขายที่มีประสิทธิภาพจึงขาดทักษะการสื่อสารไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคนี้ที่มีการแข่งขันสูง หากสื่อสารไม่ดีลูกค้าผ่านเลยไปแล้วอาจไม่ย้อนกลับมาอีก ในยุคดิจิตอลได้เปลี่ยนการสื่อสารของเรากับลูกค้าไปอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากในโลกกำลังใช้ชีวิตส่วนหนึ่งอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ทำให้ทักษะการขายและเทคนิคที่ใช้ในการขายอย่างมีประสิทธิภาพจึงต้องเปลี่ยนตาม โดยในปี 2020 มีเทคนิคการขายที่ต้องอัพเดท ดังนี้
1. Make Your Customer The Hero ทุกคนต้องการเป็นฮีโร่! เราทุกคนต้องการเป็นดาวเด่น แต่หากเรากำลังทำธุรกิจเราต้องถอยให้ลูกค้าขึ้นไปแทน แล้วเรามาเป็นตัวละครสนับสนุน เพราะลูกค้าไม่ต้องการฮีโร่แต่พวกเขาต้องการเป็นฮีโร่ ดังนั้นเราจึงต้องใช้การนำเสนอที่สร้างความรู้สึกนี้ให้กับลูกค้า ด้วยการรับฟังสิ่งที่ลูกค้าต้องการ แล้วเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแนวคิด ที่จะช่วยให้ลูกค้าก้าวไปสู่จุดที่เรียกว่าฮีโร่
มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับแทนการบรรยายคุณสมบัติสินค้ายาวเหยียด เช่น การขายว่า โทรศัพท์เครื่องนี้ ล้ำหน้าสุด ใช้วัสดุดีที่สุด ผลิตด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุด จะไม่มีพลังเท่ากับการพูดว่า คนที่ซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้จะสามารถสวยคมชัดราวกับใช้กล้องถ่ายภาพแบบมืออาชีพ เป็นต้น
2. Storytelling นี่อาจดูเป็นงานเขียนมากกว่ากลยุทธ์การตลาด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจำเป็นต้องใช้และฝึกฝน เพราะการขายในยุคนี้ไม่ใช่การขายแบบรรยายคุณสมบัติสินค้าแล้วจบอีกต่อไป ผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ของเราต้องมีเรื่องราวที่สามารถสัมผัสความรู้สึกของลูกค้าได้ การสร้างเรื่องราวไม่เพียงแต่เชื่อมโยงเรากับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังทำให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์เกิดเป็นแบรนด์ ดูน่าเชื่อถือและมีคุณค่ามากขึ้นด้วย
Storytelling ไม่ได้เป็นการประดิษฐ์เรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมา แต่เป็นการใช้ข้อเท็จจริง นำเหตุผลในการทำธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ มาบอกเล่าเป็นเรื่องราวที่สร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจ โดยเน้นการเชื่อมโยงเป้าหมายที่เรายึดมั่นกับคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับจากเรา
3. Live commerce เป็นการรวมการสตรีมวิดีโอ การขายออนไลน์ กับความสามารถในการปิดการขายอย่างรวดเร็วไว้ด้วยกัน จุดเด่นของทักษะแบบนี้คือความเรียล เพราะลูกค้าได้เห็นสินค้าจริง ผู้ซื้อกับผู้ขายสามารถโต้ตอบกันได้ทันที และซื้อได้ทันทีเช่นกัน การไลฟ์ขายสินค้าไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ด้วยการขยายตัวของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ลูกค้าไปรวมตัวกันในโซเชียลมีเดียมากขึ้น และนอกจากการไลฟ์จะเป็นการเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าแล้ว ยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถผลักดันผู้คนให้ซื้อสินค้าได้อย่างแท้จริง ทำให้แบรนด์ต่างๆ และธุรกิจอีคอมเมิร์ซหันมาใช้วิธีนี้กันมากขึ้น
4. Multi Channel การตลาดแบบหลายช่องทางเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่คาดหวัง ช่องทางนั้น ๆ อาจเป็นทั้งเว็บไซต์ของแบรนด์ตนเอง โซเชียลมีเดีย หรือ e-marketplace การตลาดหลายช่องทางคือให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและสามารถซื้อสินค้าที่ใดและเมื่อไหร่ก็ได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายให้กว้างที่สุดเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้สูงสุด
5. CRM (Customer Relationship Management) หรือ การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ เป็นเทคโนโลยีสำหรับการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า นอกจากนั้น CRM ยังรวมถึงการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายและความต้องการของลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ เนื่องจากจำนวนธุรกิจแต่ละประเภทเพิ่มสูงขึ้น มีการแข่งขันรุนแรงขึ้น ในขณะที่จำนวนลูกค้ายังคงเท่าเดิม
ธุรกิจจึงต้องพยายามหาวิธีสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่าไว้ให้ได้มากที่สุด ซึ่ง CRM เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ได้ เพราะ CRM สามารถบอกเราได้ว่าลูกค้าชอบไม่ชอบอะไร และแชร์อะไรเกี่ยวกับเราหรือคู่แข่งของเรา เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เในการพัฒนาและสร้างโอกาสในการขายได้ดียิ่งขึ้น
6. Influencer Marketing ในปัจจุบันการตลาดแบบใช้ Influencer มีอิทธิพลอย่างมาก โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย เพราะการบอกเล่าแบบปากต่อปากทำให้ผู้คนเชื่อได้มากกว่า เนื่องจากผู้บริโภคจะเชื่อมั่นในความคิดเห็นของ Influencer ที่ตัวเองชื่นชอบต่อผลิตภัณฑ์มากกว่าสิ่งที่แบรนด์บอก
หลายคนซื้อผลิตภัณฑ์ตามคำแนะนำของ Influencer การเลือกใช้ Influencer เพื่อบอกต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพนั้น ต้องไม่มองเพียงตัวเลขผู้ติดตาม แต่ควรเลือกตามความเหมาะสม มีความสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ เพราะ Influencer บางคนที่อาจมีผู้ติดตามน้อยกว่า แต่ถ้าผู้ติดตามเหล่านั้นของเขาเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรงของแบรนด์ก็สามารถทำให้เกิดโอกาสในการซื้อได้ไม่น้อย
พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปตลอดเวลา ผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จจึงต้องเป็นผู้ที่อัพเดทตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้า ดึงลูกค้าให้มาสนใจผลิตภัณฑ์ และตัดสินใจซื้อในที่สุด และอย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะและเทคนิคการขายให้เท่าทันยุคสมัย เพราะถึงแม้จะมีของดีแค่ไหน แต่นำเสนอไม่เป็น คนก็ไม่รู้และไม่สนใจอยู่ดี
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ