fbpx
marketingAffiliate MarketingE-Commerce

วิเคราะห์เทรนด์ Thailand Affiliate Marketing 2023

By กันยายน 28, 2023 No Comments
วิเคราะห์เทรนด์-Thailand-Affiliate-Marketing-2023

หนึ่งในเทรนด์ของการทำการตลาด Digital Marketing ที่น่าสนใจในปีนี้ Priceza Insights จะชวนคุณมาวิเคราะห์เทรนด์ Thailand Affiliate Marketing 2023 ผ่านมุมมองของ คุณไว ธนาวัฒน์ มาลาบุปผา CEO & Co-Founder of Priceza ซึ่งอันที่จริง Affiliate Marketing มีมานานแล้วแต่เราจะเห็น Movement ของสถิติที่ชัดเจนมากๆในปีนี้ ที่หลายๆธุรกิจเริ่มตื่นตัว และในระยะหลังๆ แบรนด์ก็คาดหวังผลลัพธ์ในเชิงธุรกิจมากขึ้น ซึ่ง Affiliate Marketing ตอบโจทย์ธุรกิจได้ หากธุรกิจใดที่กำลังสนใจทำ Affiliate Marketing เราแนะนำให้อ่าน “สิ่งที่แบรนด์ต้องรู้ ก่อนทำ Affiliate Marketing”

จากความร้อนแรงของ Affiliate Marketing เราจะมาวิเคราะห์เทรนด์ที่เกิดขึ้น จากตัวเลขสถิติเหล่านั้นมันบ่งบอกอะไร ธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไร เราจะมาวิเคราะห์เทรนด์ที่เกิดขึ้นและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งจะกลายเป็นทิศทางสำคัญของการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และจะทำให้เราเห็นภาพรวมและความสำคัญของ Affiliate Marketing ในปัจจุบันและอนาคตมากขึ้นด้วย

“การทำ Affiliate Marketing อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญจากการทำ Affiliate Marketing ในยุคเดิมที่หลายคนมองว่าเป็นการทำแบบหารายได้เสริมไปสู่การทำ Affiliate Marketing ในยุคใหม่”

หัวข้อแนะนำที่น่าสนใจ เลือกอ่านได้เลย

ภาพรวมการมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ และเม็ดเงินการใช้สื่อโฆษณาดิจิทัลปี 2023

จากข้อมูลของ Thailand’s Total Online Ads Spending 2023 เราจะเห็นว่าจากข้อมูลค่อนข้างที่จะบอกทิศทางได้อย่างชัดเจนในช่วง Post Covid ในปี 2023 นี้ เม็ดเงินสื่อโฆษณาดิจิทัลกลับขึ้นมาเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 13% คาดการณ์ว่าจบปี 2023 เม็ดเงินสื่อโฆษณาดิจิทัลจะไปแตะที่ 28,999 ล้านบาทเลยทีเดียว

Thailand's Total Online Ads Spending 2023

เมื่อนำมาเทียบกับมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2023 คาดการณ์ว่าจะไปแตะอยู่ที่ 932,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 14% ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับเม็ดเงินสื่อโฆษณาดิจิทัลที่มีการเติบโตเพื่มขึ้น 13% นับว่าใกล้เคียงกัน ทำให้เห็นภาพว่าสื่อโฆษณาดิจิทัลเข้ามามีส่วนช่วยให้มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยเติบโตขึ้นอยู่ราวๆ 2-3% ในปี 2023

สื่อโฆษณาดิจิทัลไม่เพียง Impact เฉพาะบนออนไลน์อย่างเดียวยัง Impact ไปสู่ Offline ด้วย ซึ่งมาจากแบรนด์ทำ Omni-Channel ด้วย รวมถึงการกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติหลังจาก Post Covid

Thailand B2C & C2C E-Commerce 2023

3 แพลตฟอร์มสำคัญที่ช่วยหนุน Affiliate Marketing ในไทยให้เติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แนวโน้มการเติบโตของเม็ลเงินสื่อโฆษณาดิจิทัลในช่วง 3 ปีที่ผ่านจากการเก็บข้อมูลประเภทสื่อต่างๆพบว่า Affiliate Marketing เป็นช่องทางที่เม็ดเงินโฆษณาเติบโตสูงที่สุดในปี 2023 ที่คาดการณ์ว่าเติบโตถึง 114% มูลค่าราวๆ 949 ล้านบาท นั่นหมายความว่า Affiliate Marketing เป็นช่องทางที่แบรนด์มีการทำแคมเปญผ่านเอเจนซี่สูงที่สุดในปี 2023 นี้

ซึ่งการเติบโตนี้น่าจับตาว่าทำไมในปีนี้ Affiliate Marketing ทำไมถึงเติบโตไปถึง 3 digit ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2022 เติบโตเพียงแค่ 50% เท่านั้น

ทำให้สามารถตีความออกมาได้ว่าในตลาด Affiliate Marketing จะไปผูกกับตลาด E-Commerce ประเทศไหนภูมิภาคไหนที่มูลค่า E-Commerce มีการเติบโต Affiliate Marketing จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน อย่างเช่น อเมริกาที่มีผู้เล่นอย่าง Amazon จากสถิติที่อีคอมเมิร์ซเติบโต Amazon ก็เติบโตตาม อีกประเทศคือประเทศจีนที่มี Alibaba ยิ่งอีคอมเมิร์ซเติบโตเท่าไหร่ Affiliate Marketing ก็จะโตตามไปเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าประเทศไทยมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซที่เติบโตขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันเติบโตพอที่จะสามารถดันให้การตลาด Affiliate Marketing มีการขยายตัวได้มากพอๆกัน ข้อสังเกตคือเราวิเคราห์จากข้อมูลที่แบรนด์ทำ Affiliate Marketing ผ่านเอเจนซี่ ยังมีอีกชุดข้อมูลที่แบรนด์/ธุรกิจนั้น ไปทำโมเดล Affiliate Marketing เองอีกเยอะแยะมากมายโดยไม่ผ่านเอเจนซี่เท่ากับว่าเม็ดเงินโฆษณาในการทำ Affiliate Marketing ส่วนนี้ยังไม่ได้ถูกรวมกับก้อนนี้  นั่นแปลว่าเม็ดเงินการทำ Affiliate Marketing น่าจะเติบโตสูงได้อีกเป็นเท่าตัว

ช่องทางเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing

Brand Retail Shop เลือก Affiliate Marketing ในการผลักดันยอดขายสูงถึง 70-80%

เมื่อมาดูสัดส่วนเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing ของแต่ละธุรกิจบ้าง 70% – 80% ของสัดส่วนการใช้เม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing อยู่ในธุรกิจ Retail Shop/Store ซึ่งร้านค้าปลีก หรือร้านค้าออนไลน์นี้เป็นผู้นำในการทำ Affiliate Marketing ในประเทศไทยผ่านเอเจนซี่ เรียกได้ว่าร้านค้าปลีก หรือร้านค้าออนไลน์นี้ใช้ Affiliate Marketing เป็นเครื่องมือหลักในการทำการตลาด เพื่อผลักดันยอดขาย และจากข้อมูลนี้ทำให้เรามองเห็นเทรนด์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่งเลยว่าไม่เพียงแค่ธุรกิจร้านค้าออนไลน์เท่านั้น เราจะเห็นได้ว่า Affiliate Marketing ทำได้หลากหลายธุรกิจ แต่แน่นอนว่าธุรกิจค้าปลีกมีความได้เปรียบสูงกว่าธุรกิจอื่นๆ ในการทำ Affiliate Marketing เพราะเขามีสินค้าที่ Multi-brand ที่มีสินค้าหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น ทำให้เวลาเขาทำ Affiliate Marketing ที่ให้บรรดา Creators, Publisher นั้นเข้ามาดึงเอาสินค้าไปรีวิวและสามารถส่งลูกค้าไปที่ร้านค้าได้ ก็มีโอกาสที่จะทำให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมร้าน Convert มาซื้อสินค้าเกิดยอดขายได้ในที่สุดเช่นกัน มาในมุมของ Brands บ้าง แบรนด์อาจจะทำการตลาด Affiliate Marketing ที่ไม่เพียงคาดหวังเฉพาะยอดขายเท่านั้น แต่ต้องทำ Branding ควบคู่ไปด้วย

เม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลของ Affiliate Marketing จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ แบรนด์หรือร้านค้าขายสินค้าได้ นั่นแปลว่า Affiliate Marketing พิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้จริง

ถัดมาอันดับที่ 2 ที่ค่อนข้างทิ้งห่างจาก Retail นั่นก็คือกลุ่มธุรกิจ Cosmetics ในกลุ่มนี้สืบเนื่องมาจากกลุ่มธุรกิจ Cosmetics มีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยในการทำการตลาดอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จากข้อมูลของ Influencer Marketing Hub ได้มีการสำรวจข้อมูลว่ากลุ่มธุรกิจใดที่ใช้ Influencer Marketing สูงที่สุด อันดับที่ 1 คือกลุ่ม Fashion และ Cosmetics เหตุนี้จึงสามารถตีความได้ว่าเมื่อตอนนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านของการทำ Influencer Marketing มาเป็น Affiliate Marketing โมเดลนี้อินฟลูฯเปิดใจหันมาทำ Affiliate มากขึ้นทำให้สัดส่วนเม็ดเงินในก้อนนี้มาเป็นเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing ในปีนี้แทน

เมื่อลองมาตีเป็นตัวเลขรายได้หรือยอดขายที่เกิดจากการทำ Affiliate Marketing ในเมื่อเม็ดเงินโฆษณาของ Affiliate Marketing จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเกิดยอดขายเท่านั้นเพราะฉะนั้นจากมูลค่าเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing ในปีนี้ที่มีมูลค่า 946 ล้านบาท หรือเกือบๆ 1 พันล้านบาท เมื่อนำมาคิดตามโมเดลรายได้จากการแบ่งเปอร์เซนต์ค่าคอมมิชชั่น ยกตัวอย่างเช่น ค่าคอมมิชชั่น 1% หากปีนี้ตีเป็นตัวเลขกลมๆว่าเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ค่าคอมมิชชั่น 1% (1,000 x 100) นั่นแปลว่ารายได้หรือยอดขายที่เกิดจากการทำ Affiliate Marketing ในประเทศไทยทะลุไปถึง 1 แสนล้านบาทแล้วก็เป็นได้ ในขณะที่ใช้เม็ดเงินโฆษณาไปเกือบๆ 1 พันล้านบาท

สัดส่วนการใช้เม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing ของแต่ละธุรกิจ

สัดส่วนรายได้ของเม็ดเงิน E-Commerce บนช่องทางการขายต่างๆ

เมื่อตลาด Affiliate Marketing เติบโตขึ้นเราจะมาดูการกระจายตัวของเม็ดเงินตามช่องทางการขายต่างๆ ช่องทางไหนที่ผู้บริโภคนิยมเข้าไปซื้อ Affiliate Marketing จะเกิดที่ช่องทางนั้นจากข้อมูลของ Pie Chart ตัวนี้ จะเห็นได้ว่าช่องทาง Marketplace อย่าง Shopee, Lazada, NocNoc เป็นช่องทางที่ผู้บริโภคนิยมซื้อมากที่สุด มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซอยู่ใน Marketplace 51 % ราวๆ 400 แสนล้านบาท (จากมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซประเทศไทยทั้งหมด 800 แสนล้านบาท) นั่นหมายความว่าแบรนด์/Retail Shop เข้าไปทำการตลาด Affiliate Marketing บนช่องทาง Marketplace ถึงครึ่งหนึ่งของช่องทางทั้งหมดเลยทีเดียวถัดมาเป็นช่องทาง Social Commerce กินสัดส่วนถึง 22%

Marketplace และ Social Commerce เป็น 2 ช่องทางหลักในการทำ Affiliate Marketing แต่ไม่ได้แปลว่าการทำการตลาดแบบ Affiliate Marketing จะทำได้เฉพาะ 2 ช่องทางนี้เท่านั้นยังมี Owned Website หรือ Application เองก็มีการทำ Affiliate Marketing เช่นกัน แต่ที่หยิบยก 2 ช่องทางหลักขึ้นมานั่นเพราะเป็นช่องทางที่กินสัดส่วนมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซสูงที่สุด ผู้บริโภคซื้อสินค้ามากที่สุด เม็ดเงินอยู่ตรงไหนแบรนด์จะไปทำ Affiliate Marketing รวมถึงคนทำ Affiliate หรือที่เราเรียกว่า Affiliator จะเข้าไปทำตลาดบนช่องทางนี้

SEA E-Commerce %Share Spends by Channels

Momentum Works ได้มีการสำรวจข้อมูลผู้นำตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย จากข้อมูลนี้พบว่า Shopee แซง Lazada อยู่นิดนึง TikTok ขึ้นมาเป็นอันดับสามที่น่าจับตาว่าปีนี้จะเติบโตกว่านี้หรือไม่ แต่จากข้อมูลปี 2022 ทำให้เราเห็นแนวโน้ม TikTok กลายมาเป็นผู้เล่นเบอร์ใหญ่ในตลาดอีคอมเมิร์ซ

SEA faring

TikTok จากแพลตฟอร์มโซเชียล Short Video สู่ผู้เล่นหลักอีคอมเมิร์ซ

บริษัทแม่ ByteDance ของTikTok ข้อมูลล่าสุด TikTok ได้มีการขยายไปทำ TikTok Shop หรือ TikTok Commerce ในประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ก่อนหน้านี้อีคอมเมิร์ซในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ Amazon ครองตลาดอยู่และยังไม่ได้มีเจ้าไหนมา Challenge ได้ ไม่คาดคิดว่าปีนี้ TikTok กำลังเข้าไปช่วงชิงตลาดในอเมริกาแล้ว

มาดูในฝั่ง SEA ทั้ง 6 ประเทศในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ TikTok กำลังมีแผนจะขยายยอดขาย E-Commerce บน TikTok Shop ในปี 2023 ซึ่งเซ็ท Target ไว้มูลค่ารวมอยู่ที่ 15 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ เป็นเป้าที่ท้าทายมากๆ ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 3-4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วยอดขาย E-Commerce บน TikTok Shop อยู่ที่ 4.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

สาเหตุที่ TikTok มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันไปสู่เป้าหมายได้สูงในระดับนี้ นั่นก็เพราะว่า หัวใจของการเติบโตของ TIkTok Shop นั่นก็คือการทำ Affiliate Marketing  และจากมูลค่าเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing ที่ปีนี้เติบโตขึ้นถึง 114% TikTok นั้นนับเป็น 1 ใน Key Drivers ที่สำคัญที่ทำให้เม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing เติบโต

Social platform's push into E-Commerce

นอกจากเม็ดเงินโฆษณา Affiliate Marketing จะเติบโตสูงถึง 114% แล้ว ก็มีการคาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาที่แบรนด์ซื้อบนช่องทาง TikTok ในปี 2023 ด้วยเช่นกัน คาดว่าจะเติบโตถึง 95% มีมูลค่าอยู่ที่ 2,048 ล้านบาท เรียกว่าโตไม่น้อยกว่ากันเลยทีเดียว ทำให้เราเห็นทิศทางที่ค่อนข้างชัดเจนจากสไลด์ก่อนหน้านี้ที่ TikTok เซ็ท Target ไว้ว่าในปี 2023 TikTok Shop ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จะเติบโต 3 เท่าตัว หรือราวๆ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อมาเทียบกับ Forecast ของเม็ดเงินโฆษณาบนช่องทางของ TikTok ประเทศไทยในปีนี้ ก็เทียบได้ว่าจะมีมูลค่าที่เติบโต x1 เท่าตัวของ Target ที่เซ็ทไว้ทั้ง SEA ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงเลยทีเดียวเพราะประเทศไทยก็กินสัดส่วนไปเท่านึงแล้ว

TikTok สื่อดิจิทัลประเภท Short VDO เติบโตสูงถึง 95%

TikTok ความท้าทายใหม่ที่เขย่าบัลลังก์ Shopee Lazada ในสมรภูมิมาร์เก็ตเพลส SEA

ยอดขายอีคอมเมิร์ซหากคิดเป็นแต่ละแพลตฟอร์ม เริ่มแรกเลยในสมรภูมิ Marketplace จะเหลือผู้เล่นในไทย 2 เจ้าหลักคือ Lazada และ Shopee ที่ขับเคี่ยวกันมานาน จนมาปีเริ่มเข้าสู่ปี 2021-2022 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เดิมเป็น Short Video ที่ให้ความบันเทิงจะเป็นม้ามืดที่ช่วงชิงตลาดที่มาแรงสุดๆในปี 2023  เมื่อหลายปีก่อน TikTok มีบทบาทในการส่งคนไปซื้อสินค้าบน Shopee, Lazada ผ่านลิงค์ที่สามารถกดเข้าไปสั่งซื้อสินค้านอกแพลตฟอร์มได้ แต่ปัจจุบัน TikTok ไม่อนุญาตให้ส่งลิงค์ข้ามแพลตฟอร์มได้แล้ว หากอยากจะขายสินค้าจำเป็นต้องขายผ่าน TikTok Shop เท่านั้น เพราะปัจจุบัน TikTok ตั้งตัวเองเป็นผู้เล่นหลักในสมรภูมิ Marketplace เรียบร้อยแล้ว นั่นจึงทำให้เราเห็นว่าสัดส่วนมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซที่ก่อนหน้า TikTok ทำหน้าที่ส่งลูกค้าไปเกิดการซื้อขายนอกแพลตฟอร์มนั้น ตัวเลขจากปีที่แล้วรวมถึงปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า TikTok จะเป็น 1 ใน Key Driver ผลักดันมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซบนช่องทางของตัวเอง และหัวใจในการทำการตลาดบน TikTok คือการทำ Affiliate Marketing และ Affiliate Marketing จะเติบโตไปพร้อมกับช่องทางที่เกิดยอดขายด้วยเช่นกัน

 

TikTok Shop is now a meaningful eCommerce Competitor in SEA

วิเคราะห์การเติบโต Affiliate Marketing ในประเทศจีนสถิติที่น่าสนใจและ Use Case ที่ผลักดันมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ

ยกตัวอย่างการเติบโตของแพลตฟอร์ม TikTok ในการทำอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน TikTok หรือที่มีชื่อว่า Douyin ในประเทศจีน ได้เข้าไป Challenge ผู้เล่นหลักอย่าง Tmall, Taobao, JD.com ที่ครองตลาดประเทศจีนราว 70-80% แต่เมื่อ TikTok (Douyin) ได้พัฒนาแพลตฟอร์มด้วยการเอาฟังก์ชั่นอีคอมเมิร์ซเข้าไป integrate อยู่ใน Short Video ทำให้ขายสินค้าได้อย่างเทน้ำเทท่า และ Mechanic ที่ทำให้สินค้าขายดีคือ Live Commerce โดยจะจ่ายเงินให้กับนัก Live จะเป็นค่าคอมมิชชั่น จะเห็นได้จากกราฟว่าเมื่อ TikTok (Douyin) ได้นำฟังก์ชั่นอีคอมเมิร์ซเข้าไป integrate แล้วก็สามารถเข้าไปช่วงชิง Market Share จากผู้เล่นหลักในตลาดจีนได้

ทำให้ TikTok เห็นถึงโอกาสว่าการนำเอาอีคอมเมิร์ซเข้ามา

ทำให้ตลาด ตอบรับกับฟีเจอร์นี้ และสามารถตีตลาดที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างประเทศจีนได้สำเร็จ เชื่อว่า TikTok มาถูกทางและมั่นใจได้ว่า TikTok จะสามารถตีตลาดในระกับ Global ได้ ด้วยกลยุทธ์ที่ดึงดูดด้วยความสนุกสนานด้วย Short Video จากนั้นจึงจะเอาอีคอมเมิร์ซตามไป ที่เป็นสูตรความสำเร็จแบบเดียวกันกับประเทศจีนและประเทศไทยนับว่าน่าจับตาเป็นอย่างมาก

 

TikTok's sister company Douyin in China has made E-Commerce Work

มาดูที่ Market Share จะเห็นว่า TikTok (Douyin) ปี 2019 – 2022 จะกินสัดส่วนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากก่อนหน้านี้ Market Share 2 เจ้าหลักที่ครองตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศจีน เกือบ 100% อย่าง Toabao และ Tmall มาในปี 2022 ถึงแม้ตลาดอีคอมเมิร์ซจะใหญ่ขึ้นแต่ก็มีผู้เล่นที่ร่วมแบ่งชิ้นเค้กเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคไม่ได้ยึดติดกับแพลตฟอร์มเดิม และการเข้าถึงของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น

China after the endgame

ถอดแนวคิดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ สร้าง Value Proposition ที่ลูกค้าต้องการ

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีสัดส่วน Market Share ในประเทศจีนที่เราจะเห็นว่าค่อนข้างหลากหลาย มี Value Proposition และข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันแต่ละด้าน  ทำให้ผู้บริโภคมองหา value proposition ต่างๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งในประเทศจีนแพลตฟอร์มที่สร้าง value proposition ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามีอยู่หลักๆ 4 ประการด้วยกันคือ

  1. Selection ต้องการความหลายหลายมีสินค้าให้เลือกเยอะๆ ในจีนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งที่เข้ามาตอบโจทย์คือ Taobao ในขณะที่ SEA คือ Shopee
  2. Speed ความรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามจากร้านการบริการ การขนส่งถึงมือให้ลูกค้ารวดเร็วทันใจ ในจีนแพลตฟอร์มช้อปปิ้งที่เข้ามาตอบโจทย์คือ Meituan เป็นผู้นำด้านความรวดเร็ว
  3. Quality ไม่ต้องการความรวดเร็วแต่เน้นสินค้าคุณภาพดี แพลตฟอร์มช้อปปิ้งที่เข้ามาตอบโจทย์ในจีนก็คือ JD.com และ Tmall เป็นมอลล์ที่การันตรีว่าเป็นของแท้ ส่วนใน SEA จะเป็น Lazada ที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้
  4. Savings ในเรื่องการมอบส่วนลด สินค้าราคาถูก แน่นอนว่า Taobao และ Pinduadua เป็นผู้นำเรื่องนี้ในประเทศจีน ส่วน SEA จะเป็น Shopee

ในปัจจุบัน TikTok เข้ามาเป็นประการที่ 5 ที่เข้ามาเติมเต็มสร้าง value propositionในส่วนของประสบการณ์ความบันเทิงในการช้อปปิ้ง พฤติกรรมคนที่เข้าไปใช้ TikTok ต้องการเข้าไปดูคอนเท้นต์ที่สนุกสนานไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์วิดีโอจากครีเอเตอร์ต่างๆ เมื่อ TikTok ได้นำคอนเท้นต์ที่ครีเอท + กับอีคอมเมิร์ซเข้าไปทำให้การช้อปปิ้งเป็นเรื่องสนุก หรือก็คือ ‘Shoppertainment’ นั่นเอง และถูกพิสูจน์แล้วว่าเวิร์คในจีนและ Use Case นี้กำลังขยายไปอีกหลายประเทศ

Value Propositions used by Chinese platforms

มาดูคาดการณ์ในปี 2023 ว่า TilTok ใน SEA จะเติบโตไปในทิศทางไหนจากปีที่แล้ว TikTok กินส่วนแบ่งมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซอยู่ที่ 4.4% ปีนี้จะเติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวนั่นคือ 13.2% แน่นอนว่าคนที่เสีย Market Share ไปคือผู้เล่นเดิมอย่าง Shopee, Lazada, Tokopedia

is TikTok shop a threat to incumbent marketplaces?

โอกาสเพื่มยอดขายบน TikTok ถ้าคุณอยู่ในหมวดสินค้า Beauty และ Personal Care คุณต้องเริ่มทำ Affiliate ตั้งแต่เมื่อวาน

ในส่วนใหญ่ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าบนแพลฟอร์ม TikTok จะอยู่ในหมวดหมู่ของ Beauty และ Personal Care กินสัดส่วนอยู่ 70% เลยทีเดียว เป็นหมวดหมู่ใหญ่ที่สุดที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมซื้อบน TikTok รองลงมาจะเป็นหมวดหมู่สินค้า Fashion แต่ยังถือว่าน้อยมากหากเทียบกับ Beauty และ Personal Care มูลค่าเฉลี่ยของออเดอร์ที่เกิดการสั่งซื้อบน TikTok ของประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 200 บาท ต่อออเดอร์

จากข้อมูล Beauty และ Personal Care เป็นหมวดหมู่ที่ผู้บริโภคนิยมซื้อบน TikTok นั่นหมายความว่าแบรนด์หรือธุรกิจในหมวดหมู่นี้ จะต้องรีบฉกฉวยโอกาสนี้ในการ Affiliate Marketing อย่างทันทีทันใด

เพราะอย่างที่ย้ำอีกครั้งว่า Affiliate Marketing จะเกิดขึ้นได้เมื่อขายของได้ เพราะส่วนใหญ่ Affiliate Marketing จะไปผูกกับ Online Transaction ทุกวันนี้ Affiliate Marketing และ E-Commerce ถูก Blend เข้าหากันแทบจะแยกไม่ออก ช่องทางไหนที่เกิดยอดขายช่องทางนั้นจะเป็นช่องทางที่ Affiliate Marketing เติบโตแบบคู่กันไป

วิเคราะห์เทรนด์ Thailand Affiliate Marketing 2023 3

หากคุณมีสินค้าในหมวด “เครื่องใช้ไฟฟ้า” จะมีโอกาสขายได้มากที่สุดบน Lazada

สำหรับสินค้าในหมวดหมูอื่นล่ะจะมีโอกาสไหม? ไม่ใช่แค่เพียง TikTok เท่านั้นที่สามารถเพิ่มยอดขายด้วยการตลาดแบบ Affiliate Marketing สำหรับโอกาสสินค้าหมวดหมู่อื่นๆ ดูจากกราฟตัวนี้ที่แสดงให้เห็นยอดขายที่เกิดขึ้นบน 2 แพลตฟอร์ม เมื่อดูจาก Lazada ก่อน จะเห็นว่าหมวดสินค้า “เครื่องใช้ไฟฟ้า” ขายดีที่สุดบน Lazada ที่มีสัดส่วนยอดขายสูงสุดถึง 43% จากมูลค่าทั้งหมด ในขณะที่ Shopee ยอดขายที่เกิดขึ้นสูงที่สุดจะค่อนข้างกระจายหลากหลายในหมวดหมู่สินค้า แต่อันดับรองลงมาที่มียอดขายสูงที่สุดจะเป็นสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ อยู่ที่ 21%

อันดับสินค้าที่มียอดขายมากที่สุดบน Lazada

  1. หมวดหมู่สินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า 43%
  2. หมวดหมู่สินค้า แม่แลเด็ก 13%
  3. หมวดหมู่สินค้า บ้านและที่อยู่อาศัย 10%
  4. หมวดหมู่สินค้าอื่นๆ 34%

อันดับสินค้าที่มียอดขายมากที่สุดบน Lazada

  1. หมวดหมู่สินค้าอื่นๆ 44%
  2. หมวดหมู่สินค้า แฟชั่นและเครื่องประดับ 21%
  3. หมวดหมู่สินค้า บ้านและที่อยู่อาศัย 18%
  4. หมวดหมู่สินค้า สุขภาพและความงาม 17%

จาก 3 แพลตฟอร์มที่ว่ามาทำให้เราเห็นว่า ทั้ง  3 แพลตฟอร์มกินสัดส่วน Category ที่แตกต่างกันไป ทำให้เห็นว่าการทำอีคอมเมิร์ซหรือ การทำ Affiliate Marketing ประเทศไทยแบรนด์หรือธุรกิจเองจำเป็นต้องมีเข้าใจว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหนและกลยุทธ์ใดที่สามารถส่งเสริมให้แบรนด์ยอดขายเติบโตขึ้นได้ซึ่งคาดการณ์ได้จากข้อมูลของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นี้สามารถทำให้เราเห็นทิศทางในประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน

Each major player in SEA has its own categories of strength

ข้อมูลของ DATT DAY 2023 ผลสำรวจที่ว่าอะไรคือเทรนด์ของสื่อโฆษณาดิจิทัลที่มี Impact ที่สุดในประเทศไทยในมุมมองของนักการตลาดและเอเจนซี่พบว่า นักการตลาดยกให้ AI เป็นอันดับที่ 1 และอันดับที่ 2 คือ Live หรือ Live Commerce เป็นหนึ่งในเทรนด์การตลาดที่จะเข้ามามีผลเป็นอย่างมากในวงการสื่อโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทย และ Live เป็น 1 ใน Key Feature ที่ TikTok ใช้ในการผลักดันยอดขาย Affiliate Marketing

what are technological trends you think they will impact on digital media in thailand

ตัวอย่างการ Live บน TikTok ของคุณตี๋โอ ที่เป็นครีเอเตอร์ยุคแรกๆที่เข้ามาทำ Live Commerce บน TikTok และประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการผลักดันยอดขายล่าสุดเดือนสิงหาคม 2023 ทำยอดขายจาก Live ได้ถึง 3.8 ล้านบาทเลยทีเดียว และเคยทำสถิติสร้างยอดขายใน Live เดียวสูงถึง กว่า 1 ล้านบาท

เราจะเห็นแนวโน้มอย่างชัดเจนเลยว่าการ Live บน TikTok เป็นหนึ่งเทรนด์ที่ช่วยดันยอดขาย Affiliate Marketing ที่สามารถทำได้จริง และพิสูจน์กว่าสินค้าหมวดหมู่อื่นที่ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดหมู่สินค้าขายดีบนแพลตฟอร์มนั้นๆที่ก่อนหน้านี้เราได้ดูกัน ก็สามารถสร้างโอกาสด้วยตัวเองได้ หากมีการวางแผนกลยุทธ์ดีๆ ผ่านไอเดียคอนเท้นต์ที่ครีเอทมากพอ

ตี๋โอ TikTok Case Success

สถิติผู้ไลฟ์ TikTok ในประเทศไทยพบว่ามีครีเอเตอร์ที่ LIve ผ่านช่องทาง TikTok ต่อเดือนมีจำนวนถึง 900,000 Live ด้วยกัน และ 60% ที่มีการ Live เป็นคนจีนที่ไลฟ์สินค้าขายของให้กับคนไทยเพราะเขาเห็นโอกาสว่าประเทศไทยเป็นน่านน้ำใหม่ซึ่งในประเทศจีนเองเป็นน่านน้ำที่มีการแข็งขันสูงทำให้เห็นว่าปัจจุบันการไลฟ์ขายสินค้าข้ามประเทศเกิดขึ้นแล้ว

ตี๋โอ TikTok Success Case 1

มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของโลกปี 2023 ครึ่งหนึ่งมาจากประเทศจีนและ 1 ใน 5 หรือ 20% มาจาก Live Commerce จากก่อนหน้า Marketplace จะกินส่วนแบ่งมูลค่าตลาดสูงที่สุด ตอนนี้ Live Commerce เข้ามามีบทบาทสำคัญในการแบ่งสัดส่วนมูลค่าตลาดที่ชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ ทำให้เห็นทิศทางของการทำการตลาดอีคอมเมิร์ซด้วยการ Live ขายสินค้าพร้อมกับทำ Affiliate Marketing กำลังมาและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แบรนด์หรือธุรกิจยังไม่เคยลองต้องเข้ามาทดลองทำตลาดดู

Worldwide E-Commerce Sales

การทำ Live Commerce ค่อนข้างผูกกับ Affiliate Marketing เพราะว่า Live Commerce เป็น 1 ในช่องทางหลักๆที่ใช้ในการ Convert ผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อ และเชื่อว่า TikTok เองน่าจะนำ Feature ที่ช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการ Live ที่ประสบผลสำเร็จไปแล้วที่ประเทศจีนมาเพิ่ม Feature ให้คนไทยใช้อย่างแน่นอน แม้ว่าในปัจจุบัน TikTok ในประเทศไทย Feature ต่างๆยังไม่เท่ากับประเทศจีน แต่สำหรับ TikTok ประเทศไทยก็ได้มีการพัฒนาและค่อยๆปล่อย Feature มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น Feature Food Delivery สั่งอาหารผ่าน TikTok หรือ การจองโรงแรม ผ่าน TikTok ซึ่งกำลังมาแน่ๆในประเทศไทย

การแข่งขันอีคอมเมิร์ซใน SEA ยังคงมีการแข่งขันที่สูงอยู่เดิมที่ E-Marketplace เจ้าตลาดหลักอย่าง Shopee และ Lzazada คิดว่าจะไม่มีใครมา Challenge ได้ แต่จากปัจจุบันเห็นได้ชัดว่ามี Market Share ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดอย่าง TikTok ไปทำให้ Lazada และ Shopee เริ่มเคลื่อนไหวเราน่าจะเห็นการแข่งขันที่สนุกและเข้มข้นขึ้นในปีหน้า

Subtle product differences between plaforms in China and SEA

หัวใจของการทำการตลาดแบบ Affiliate Marketing คือการบริหารความสัมพันธ์ และ Priceza เรามีความเชื่อเรื่องการบริหารความสัมพันธ์กับคนที่เป็น Creator, Influencer และเชื่อว่าแบรนด์เองสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Creator, Influencer ได้ และ Creator, Influencer เอง พวกเขาก็มองหาแบรนด์ที่อยากสร้างสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาในระยะยาว เราจึงพยายามทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการบริหารความสัมพันธ์ จากมุมมองที่เราให้บริการ Price Comparison Platform มา กับการร่วมงานกับหลากหลายแบรนด์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้พบ Pain Point จากแบรนด์ในเรื่องการค้นหาหรือคัดกรอง Creator, Influencer ที่เหมาะสมกับแบรนด์และใจตรงกันที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดี Priceza เราจะเข้าไปช่วยแบรนด์แมชท์กับ Creator, Influencer ที่ใช่ และต่อยอดไปสู่ Barad Love ได้

ปัจจุบัน Priceza เราทำธุรกิจอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือ

  • ส่วนที่ 1 Priceza Comparison Platform ที่ทำหน้าที่เป็น Search engine รวบรวมสินค้าต่างๆ บนช่องทาง E-Commerce และบนช่องทาง Marketplace รวมไปถึงช่องทาง Retail,Brand ต่างๆ
  • ส่วนที่ 2 คือ Affiliate Marketing Platform เราต่อยอดจากการทำงานร่วมกับแบรนด์, Retailer ในหลากหลายธุรกิจที่ทำ E-Comerce หรือแม้แต่ Marketplace ทำให้เรามองเห็นความต้องการของแบรนด์ที่ต้องการจะ Reach ผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น และต้องการทำงานร่วมกับพันธมิตรในมุมมองที่กว้างขึ้น เราจึงมองเห็นโอกาสที่จะช่วยให้แบรนด์เชื่อมโยงกับพันธมิตร ได้แก่ Publisher, Creators, Influencers โดยเราหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมระหว่างแบรนด์และพันธมิตรผ่านแพลตฟอร์ม Affliliate Marketing

Priceza Affiliate & Influencer Partnership Platform

เราพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก Affiliate Marketing Platform ทำให้เราสามารถสร้าง Creators Network ขึ้นมาได้ ซึ่ง Creators ใน Ecosystem ของเรามีมากกว่า 10,000 คน ไม่ว่าจะเป็น Influencers/KOLs มีตั้งแต่ระดับเบอร์ใหญ่ๆ ที่มีผู้ติดตามหลักแสน และ New Star ที่มากด้วยแพชชั่นในการสร้างคอนเท้นต์ โดยครีเอเตอร์เหล่านี้พวกเขาต้องการที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับคอนเท้นต์ของตัวเองที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพวกเขาได้ด้วยการเป็น Affiliator เราทำหน้าที่ช่วยคัดกรองและ Recommend ครีเอเตอร์ที่เหมาะสมให้กับแบรนด์ได้

Priceza Affiliate Network

  • ส่วนที่ 3 คือ Shopfluence เป็น Tool ที่ช่วยวัดผลทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นผ่าน Priceza Affiliate Marketing ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อ Product Listing ของ Brand เข้ากับช่องทางการขาย E-Commerce ต่างๆ อย่างเช่น Shopee, Lazada, TIkTok หรือบนเว็บไซต์ของคุณเอง ไม่ว่าช่องทางขายของคุณอยู่ในช่องทางไหนเราสามารถเชื่อมโยงและเก็บข้อมูล Tracking ทุกกิจกรรม ที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่าลูกค้าของซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน เป็นสินค้าอะไร ผ่าน Creator คนใด รวมถึงวัดผล Performance ของ Creator แต่ละคนที่ทำงานให้แบรนด์ได้ ระบบเราสามารถจัดเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมดเพื่อที่เราจะสามารถแนะนำและปรับปรุงแคมเปญของคุณเพื่อเพิ่มยอดขายได้ ซึ่งหากแบรนด์หรือธุรกิจใดที่เคยทำงานบน Shopee Lazada จะไม่สามารถดูข้อมูลเชิงลึกระดับนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรารัน Affiliate Campaign ไปพอจบแคมเปญเกิดออเดอร์ขึ้นคุณจะไม่สามารถทราบได้ว่า แต่ละออเดอร์ที่รวมกันเข้ามาเกิดมาจาก Creators, Publisher คนไหน มาจากคอนเท้นต์ไหน เราไม่สามารถดูได้ลึกในระดับนั้นได้ แต่สิ่งที่ระบบ Shopfluence ทำได้ เราสามารถ Traking Campaign ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

สรุป

เทรนด์ของ Affiliate Marketing ในประเทศไทย ในปี 2023 – 2024

เทรนด์ที่ 1 การทำ Affiliate Marketing ตามช่องทางการเติบโตของมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ ทุกวันนี้ Affiliate Marketing และ E-Commerce ถูก Blend เข้าหากันแทบจะแยกไม่ออก ช่องทางหรือแพลตฟอร์มไหนที่เกิดยอดขายช่องทางนั้นจะเป็นช่องทางที่ Affiliate Marketing เติบโตแบบคู่กันไป ช่องทางใหญ่ๆที่สามารถผลักดันยอดขาย Affiliate Marketing มีอยู่ 3 ช่องทางหลักด้วยกันคือ Shopee, Lazada, TikTok

เทรนด์ที่ 2 Creator Nation ประเทศไทยมีคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือครีเอเตอร์อยู่มากถึง 2 ล้านคน ที่อยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมด และสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชอบที่จะติดตาม และมีความเชื่อใจ เชื่อถือในตัว Creator,Influencer นั่นก็คือคอนเท้นต์ที่มีความเรียล ตรงไปตรงมา ทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัดของสินค้า มีความจริงใจที่จะถ่ายทอดความรู้สึกต่อสินค้านั้นๆให้กับพวกเขา

ในขณะเดียวกัน Creator, Influencer เองพวกเขาทุ่มเทในการทำคอนเท้นต์ย่อมต้องการผลตอบแทน และโมเดลของ Affiliate Marketing ตอบโจทย์ ทำให้ Creator, Influencer เหล่านั้นสามารถที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติมจากสิ่งที่พวกเขาทำ จากคอนเท้นต์ที่พวกเขาสร้างได้มากยิ่งขึ้น แนะนำให้อ่านบทความ “สิ่งที่แบรนด์ต้องรู้! ก่อนทำ Affliliate Marketing ในปี 2023” คุณจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า ครีเอเตอร์มีส่วนสำคัญอย่างไรในการผลักดันแบรนด์ให้เติบโดในระยะยาว

เทรนด์ที่ 3 อีกหนึ่งเทรนด์ที่ช่วยติดปีกให้กับ Affiliate Marketing นั่นคือ Live Commerce และแพลตฟอร์ม Shopertainmet อย่าง TikTok เป็นหนึ่งเทรนด์ที่ช่วยดันยอดขาย Affiliate Marketing ที่สามารถทำได้จริง และในอนาคต TikTok ประเทศไทยจะเพิ่ม Feature ที่ช่วยสร้าง Big Impact ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น

นาทีนี้นับว่า Affiliate Marketing ไม่ทำไม่ได้แล้ว หากแบรนด์หรือธุรกิจใดสนใจที่จะลงเล่นในสนามการแข่งขันที่ร้อนแรงนี้ ไม่อยากเสี่ยง และลองผิดลองถูก นั่นก็เพราะ Affiliate Marketing ถึงแม้จะเป็นการทำการตลาดที่ลงทุนไม่สูงแต่ก็มีความเสี่ยงหากเลือก Publisher, Influencer, KOLS ที่ไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากส่งผลเสียต่อการทำตลาดแล้ว อาจจะทำให้ส่งผลเลวร้ายที่สุด นั่นก็คือภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ไม่ดีต่อลูกค้าได้ ดังนั้นทางเลือกสำหรับผู้เริ่มต้น หรือต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ การใช้บริการ Affiliate Marketing Service อาจจะตอบโจทย์และเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่งให้กับธุรกิจหรือแบรนด์ได้

ปุ่มดาวน์โหลดสไลด์

Pricezter

Author Pricezter

More posts by Pricezter

รับคูปองส่วนลด

กรอกข้อมูลเพื่อรับส่วนลดในการเข้าเรียน