
ในปัจจุบันนี้ คงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า การซื้อขายออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวของพวกเราแทบทุกคนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กยุคใหม่ วัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้กระทั่งวัยผู้ใหญ่ หรือรุ่นผู้สูงอายุทั้งหลาย ต่างก็มีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับการซื้อของออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น บวกกับการที่ในวันนี้ เรามีมาร์เก็ตเพลสมากมายหลายเจ้าเข้ามาแข่งขันทำการตลาดในบ้านเรา ด้วยอัตราการแข่งขันที่สูงขึ้นนี่เอง ทำให้ความแตกต่างในด้านราคาสินค้าหรือบริการก็อาจจะมีไม่มากนัก การให้ความสำคัญในด้านอื่นๆ จึงพลิกมาเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจก็คือ ระยะเวลาที่ใช้ในการส่งสินค้านั่นเอง
ความรวดเร็วในการจัดส่ง
ลองคิดดูว่าหากมีร้านค้าสองร้านค้า ที่ขายสินค้าที่เหมือนกัน หรือคล้ายคลึงกัน และมีราคาใกล้เคียงกัน หากร้านใดร้านหนึ่งสามารถจัดส่งสินค้าถึงมือผู้ซื้อได้รวดเร็วกว่าเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสที่จะปิดดีลการซื้อขายได้ง่ายขึ้น เพราะใครๆ ก็อยากได้ของที่อุตส่าห์เสียเงินซื้อไปให้เร็วที่สุด ในอีกสถานการณ์หนึ่ง เราอาจจะตัดสินใจขับรถออกไปยังห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อของเพียงแค่หนึ่งหรือสองชิ้นที่เราต้องการ โดยที่ของชิ้นนั้นๆ ก็เป็นของที่มีอยู่ในออนไลน์นั่นแหละ เพียงแต่ว่าหากเราสั่งซื้อของออนไลน์นั้น จะต้องรออีกหลายวันกว่าจะได้ของชิ้นนั้นมาใช้งานนั่นเอง ด้วยความจำเป็นหรือความรีบเร่งในการใช้งาน เราจึงต้องตัดสินใจออกไปซื้อสินค้านั้นๆ ด้วยตนเอง ซึ่งโดยปกติแล้ว เรามักจะคุ้นเคยกับการจัดส่งสินค้าในช่วงระยะเวลา 3-5 วัน แต่ถ้าหากว่าสินค้าที่เราเพิ่งกดสั่งซื้อไปเมื่อหัวค่ำ ถูกนำส่งมาถึงบ้านเราในช่วงกลางวันของวันรุ่งขึ้น หรือถ้าเราสั่งซื้อสินค้าช่วงเช้า แล้วได้รับสินค้าถึงมือภายในวันนั้นเลยคงน่าสนใจไม่น้อย
กรณีศึกษา
ยกตัวอย่างเช่น มาร์เก็ตเพลสน้องใหม่ไฟแรงรายล่าสุดอย่าง JD ซึ่งเป็นพันธมิตรกับทางกลุ่ม Central ได้นำเสนอบริการจัดส่งแบบ Same Day Delivery หรือการจัดส่งสินค้าภายในวันที่สั่งซื้อ โดยหากลูกค้า (เขตกรุงเทพฯ) ทำการสั่งซื้อสินค้าในช่วงเช้า ก็จะสามารถจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้ภายในวันนั้นๆ เลย ซึ่งทาง JD Central มีทั้งทีมงาน Delivery ของตนเอง รวมถึงการมีพันธมิตรที่มีความชำนาญทางด้าน Logistics อย่าง Kerry Express และ DHL มาเสริมความแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันทาง JD Central มีคลังสินค้าอยู่ 2 แห่งภายในกรุงเทพ และเขตปริมณฑล ซึ่งในอนาคตอันใกล้มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนคลังสินค้าเป็น 5 แห่ง โดยจะขยายความครอบคลุมไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศด้วย
หากเปรียบเทียบกับทางต่างประเทศ เช่นประเทศจีน บริการ Same Day Delivery ไม่ใช่ของใหม่อีกต่อไป ทั้ง Alibaba.com และ JD.com เองก็ให้บริการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าประเทศจีนเองจะมีขนาดกว้างใหญ่มากก็ตามที ซึ่งการที่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องมีระบบการจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งในด้านความรวดเร็วและถูกต้อง อีกทั้งต้องมีคลังสินค้าที่กระจายตัวครอบคลุมหลายภูมิภาค เพื่อให้การจัดส่งเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
หากมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย ทาง JD Central เองก็มีแผนที่จะใช้ เทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยพัฒนากระบวนการด้าน Logistics เช่น การใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยในการจัดการคลังสินค้า (Autonomous Warehouse Robots) หรือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent) และ Big Data เข้ามาช่วยวิเคราะห์ และบริหารจัดการการส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปถึงมือผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งทาง JD Central มีแผนที่จะเริ่มทดลองใช้ระบบเหล่านี้ในช่วงปีหน้านี่เอง
การปรับตัวของผู้ประกอบการ
ในส่วนของผู้ประกอบการรายย่อยหรือผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าท้องถิ่น อาจจะต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคเช่นกัน โดยอาจจะต้องเอาใจใส่ในเรื่องระยะเวลา และความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้ามากขึ้น หากมีโอกาสการที่จะเข้าเป็นพาร์ทเนอร์กับมาร์เก็ตเพลส และใช้ประโยชน์จากระบบการจัดส่งสินค้าของมาร์เก็ตเพลส แทนที่จะต้องดำเนินการเองก็เป็นแนวทางที่น่าสนใจ หรือทางผู้ประกอบการเองอาจจะใช้บริการตัวแทนในการเก็บสินค้า รวมถึงการแพ็คและจัดส่งแทนเจ้าของร้านเพื่อลดภาระและลดความล่าช้า อีกทั้งจะช่วยให้เรามีเวลาเหลือไปโฟกัสกับการพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ