ด้วยอัตราการเติบโตที่รวดเร็วของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้ชั่วโมงนี้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเล็ก หรือใหญ่ต่างให้ความสนใจที่จะเริ่มเข้ามาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เรารวบรวมประโยชน์ของอีคอมเมิร์ซสำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจ หรือกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจที่จะขยับขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า ส่วนธุรกิจที่ทำด้านอีคอมเมิร์ซอยู่แล้วก็สามารถใช้บทความนี้เพื่อรีวิวได้เช่นกันว่า ธุรกิจของเราได้ใช้ประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซได้ครบแล้วหรือยัง
หัวข้อแนะนำที่น่าสนใจ เลือกอ่านได้เลย
1. ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
นับตั้งแต่ค่าใช้จ่ายในการตั้งร้าน หรือค่าเช่าร้านที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับหน้าร้าน ยิ่งเป็นการลงขายใน อีมาร์เก็ตเพลส หรือบนโซเชียลมีเดียที่นับได้ว่าไม่มีค่าใช้จ่ายในการตั้งร้านเลย ทั้งยังใช้เวลาตั้งร้านเร็วกว่ามากเพราะไม่มีเรื่องของการก่อสร้างเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยในส่วนของการดำเนินงาน ด้วยขั้นตอนการทำงานส่วนใหญ่จะอยู่บนเว็บไซต์ ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานในการเฝ้าหน้าร้าน โดยอีคอมเมิร์ซสามารถใช้ chatbot ช่วยในการตอบคำถามง่ายๆ และจ้างแอดมินเพียง 1 คน หรือตอบคำถามด้วยตัวเองสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เพิ่งก่อตั้งสำหรับการให้บริการสำหรับคำถามที่นอกเหนือจากความสามารถของระบบ หรือการใช้บริการ dropship เพื่อลดภาระในการจัดหาพื้นที่เพื่อเก็บสต๊อคสินค้า และลดภาระในการจัดส่งสินค้าเมื่อมีออร์เดอร์จำนวนมาก
2. ขายได้ทุกที่ ทุกเวลา
ในขณะที่ ธุรกิจหน้าร้านไม่สามารถทำรายได้ในขณะร้านปิด ร้านค้าออนไลน์สามารถเปิดขายได้ตลอดเวลา 24×7 ทั้งยังเปิดโอกาสให้สินค้าสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกมุมโลกที่มีอินเตอร์เนต ซึ่งเป็นจุดเด่นของโลกออนไลน์ที่ต่างกับร้านค้าที่มักจะมีลูกค้าได้ในรัศมีที่จำกัดจากตำแหน่งที่ตั้งของหน้าร้าน เพราะความไม่สะดวกในการเดินทางไปที่ร้าน
3. ทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของอีคอมเมิร์ซ เพราะบนโลกออนไลน์ ธุรกิจสามารถนำเสนอคอนเทนต์ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความอยากซื้อ เช่น
- รูปภาพสวยๆ
- วีดีโอสนุกๆ
- แสดงรายการสินค้าขายดี เพื่อโปรโมทสินค้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้า
ทั้งยังสามารถสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคลได้ เช่น การแสดงรายการสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ารายบุคคล โดยดูจากประวัติการซื้อ หรือสินค้าในตระกร้า หรือแสดงผลในหน้าเว็บไซต์ที่แตกต่างกัน เช่น แสดงข้อความเสนอโปรโมชั่น เมื่อลูกค้าคนเดิมเข้ามาดูสินค้าเดิมมากกว่า 2 ครั้ง หรือเมื่อมีสินค้าค้างอยู่ในตะกร้าโดยยังไม่ได้ทำการชำระเงิน
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ความสามารถของระบบเพื่อเพิ่มยอดขายได้ เช่น ตั้งค่าแสดงส่วนลดพิเศษสำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าเลือกไว้ในตะกร้า เช่น ได้รับส่วนลดในการซื้อเพาเวอร์แบงค์ เมื่อลูกค้ากดซื้อมือถือ หรือเสนอโปรโมชั่นจัดส่งฟรี หากซื้อสินค้าเป็นจำนวนเงินที่กำหนดระหว่างขั้นตอนการชำระเงิน ทั้งยังสามารถทำ retargeting ได้ด้วยการแสดงหน้าโฆษณาให้คนที่เคยเข้ามาดูสินค้าบนเวปไซต์ แต่ยังไม่ได้กดซื้อ รวมถึงการส่งอีเมลล์ไปหาลูกค้าเพื่อนำเสนอโปรโมชั่นประจำเดือน
4. ความสะดวกของผู้ซื้อ
โดยในมุมของลูกค้า เนื่องด้วยกระบวนการเลือกซื้อ และธุรกรรมล้วนอยู่บนมือถือ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อเมื่อใดก็ได้ตามความสะดวก โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ ที่ผู้บริโภคต้องค้นหาข้อมูล เพื่อหารีวิว และเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ ซึ่งต่างจากการเดินดูของในร้านที่บางครั้ง อาจได้รับความอึดอัดจากการให้บริการของพนักงานขายในระหว่างการเลือกสินค้า ทั้งลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอร้านเปิด และไม่ต้องรอเข้าคิวในการซื้อของอีกด้วย
5. ปรับตัวได้ง่าย ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยต้นทุนทางด้านการจัดตั้งร้านที่ต่ำและต้นทุนทางด้านเวลาในการ setup ร้านที่ใช้เวลาน้อยกว่ามาก เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวตามสภาพเศรษฐกิจและตามสภาพตลาดได้ง่าย อีกทั้งธุรกิจยังสามารถ outsource บริการบางส่วนที่ไม่ถนัด หรือ ไม่มีแรงงานมาช่วย เช่น
- การให้บริการลูกค้า
- การทำสต๊อคสินค้า
- หรือการจัดส่ง ทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปได้ง่าย และรวดเร็ว
6. การวางกลยุทธ์อยู่บนข้อมูลจริง
การใช้ระบบออนไลน์ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ง่ายขึ้นทั้งข้อมูลพื้นฐาน และรวมถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ซึ่งธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ประกอบการตัดสินใจในการวางกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด ด้วยการทำโปรโมชั่นตามกระแสของผู้บริโภค หรือในด้านวางแผนการผลิต หรือสต๊อคสินค้าขายดี ด้วยการคาดการณ์ยอดขายล่วงหน้า
ทั้งนี้ การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็ยังคงมีความท้าทายอยู่ในหลายด้าน เช่น
- การแข่งขันที่สูงด้วยจำนวนร้านค้าออนไลน์ที่มีอยู่มากมาย
- การที่สินค้าของเราจะเข้าถึงลูกค้าได้ต้องอาศัยกลยุทธ์การทำ digital marketing หรือมีแบรนด์ที่โดดเด่น
- จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยได้มีความพยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อลดช่องว่างในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เช่น การใช้ Augmented Reality ทดแทนการทดลองสินค้าก่อนซื้อ การใช้ chatbot เพื่อการให้บริการที่รวดเร็วขึ้นในการตอบคำถามเบื้องต้น การตัดสินใจว่าจะไปออนไลน์หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจว่าความสามารถของอีคอมเมิร์ซจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ หรือแก้ปัญหาให้กับธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ
