
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบนโลกออนไลน์ หรือออฟไลน์ การทำการตลาดยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มยอดขาย โดยการทำการตลาดสำหรับอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce Marketing) นั้นเป็นกิจกรรมในการทำให้ลูกค้าเป้าหมายเกิดความรับรู้ของแบรนด์ และดึงดูดให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านหลายช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
ด้วยวิวัฒนาการของกลยุทธ์ทางการตลาด และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจมีช่องทางหลากหลายในการทำการตลาด ซึ่งธุรกิจควรเลือกโฟกัส “เฉพาะ” ช่องทางและเทคนิคทางการตลาดที่เหมาะสม และมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีที่สุด โดยตัวอย่างของช่องทางและเทคนิคทางการตลาดที่สำคัญมีดังนี้
หัวข้อแนะนำที่น่าสนใจ เลือกอ่านได้เลย
1. การตลาดบน Social Media
เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยม และคุ้นเคยกันดี ธุรกิจควรจะใช้โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า และกลุ่มลูกค้า เช่น ลงภาพสวยๆ ของสินค้าแฟชั่นใน Instagram ทำวีดีโอสอนใช้เครื่องมือช่างบน YouTube นอกจากจุดเด่นที่ต่างกันแล้ว แต่ละแพลตฟอร์มต่างก็มีบริการที่สนับสนุนการทำตลาดของตนเอง เช่น ยิงโฆษณาไปให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ หรือ การทำ Shoppable Content เช่นการทำลิงค์การสั่งซื้อลงในรูปภาพบนอินสตาแกรมเพื่อทำให้ขั้นตอนการซื้อสินค้าเป็นไปได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ แบรนด์สามารถใช้พลังของโซเชียลมีเดียเพื่อทำการตลาดในรูปแบบอื่นได้อีก เช่น สร้าง Engagement กับลูกค้า ผ่าน content บนเฟสบุ๊คหรือเปิดช่องทางสำหรับ User-generated content ให้ลูกค้าทำรีวิวสินค้า ซึ่งมีสถิติกล่าวว่า สามารถเพิ่ม Conversion Rate ได้ถึง 29% เลยทีเดียว
2. ทำ Content Marketing
ที่ไม่จำกัดอยู่แค่การเขียนบล็อก หรือทำวีดีโอเพื่อขายสินค้าเท่านั้น แต่ควรเสริมด้วย Content ที่ให้ความรู้ในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนั้นๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการของ Inbound Marketing ที่ใช้ Content ในการดึงดูดผู้บริโภคให้รู้จักแบรนด์และเปลี่ยนให้เป็นลูกค้าประจำในที่สุด เช่น ธุรกิจเสื้อผ้าเด็กอ่อน อาจจะมี Content เกี่ยวกับการดูแลเด็ก รวมถึงการทำ FAQ ไว้ในเวปไซต์ที่ไม่ได้มีไว้แค่ตอบปัญหาที่พบบ่อย แต่เพื่อเป็นการรวบรวม Keyword เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Search Engine ได้มากขึ้น
3. ทำการตลาดผ่าน Search Engine
SEO – Search Engine Optimization ที่การแสดงผลการค้นหาจะขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ที่ Search Engine ตั้งไว้ ซึ่งค่อนข้างมีปัจจัยมากมายในการ Optimize ให้เว็บของเราสามารถแสดงผลบนหน้าแรกของ Search Engine ได้ หรือการทำการตลาดผ่าน Paid Advertising อย่าง PPC หรือ Pay-Per-Click ที่ธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อมีผู้ใช้งานคลิกบนลิงค์โฆษณา
4. Email Marketing
โดยสามารถใช้งานได้ในหลายจุดประสงค์ เช่น ใช้แนะนำสินค้า ส่ง Content ที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับสินค้า ทั้งนี้ธุรกิจอาจขออีเมลจากลูกค้าหลังจากการซื้อ และลูกค้าตกลงที่จะให้อีเมลเพื่อรับข่าวสารในอนาคตจากแบรนด์ ซึ่งแบรนด์สามารถใช้โอกาสนี้ในการทำ Post-Purchase Follow Up เพื่อสำรวจความพึงพอใจในการใช้สินค้าได้ หรือส่งอีเมลหาลูกค้าในกรณีที่ลูกค้าที่กดเลือกสินค้าลงตะกร้า แต่ไม่ดำเนินการชำระเงิน เพื่อแจ้งเตือน แนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้อง หรือเสนอความช่วยเหลือ
หนึ่งในข้อดีของการทำ Email Marketing คือ เราสามารถใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยในการส่งอีเมลแบบอัตโนมัติ ด้วยการทยอยส่ง Content ไปหาลูกค้าตามช่วงเวลาที่กำหนดโดยอัตโนมัติ โดยมีเนื้อหาที่ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของลูกค้าแต่ละราย
5. Influencer Marketing
เป็นช่องทางที่ใช้บ่อยในสินค้าแฟชั่น ด้วยการให้คนที่มีอิทธิพลในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ เช่น บุคคลที่น่าเชื่อถือ Blogger ชื่อดัง ดารา หรือเหล่า Celebrity ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีผลในการกระตุ้นต่อมอยากซื้อของผู้บริโภค ให้ทำการรีวิวสินค้า หรือลงรูปสินค้าลงใน Social Media เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ติดตามของ Influencer ท่านนั้นๆ
6. Affiliate Marketing
ด้วยการจ้างให้เว็บไซต์อื่นๆทำการแสดงสินค้า และลิงค์กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา โดยมีข้อดี คือ ธุรกิจจะมีค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อลูกค้าได้กดลิงค์เข้ามาที่เว็บไซต์และทำการซื้อสินค้าเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขายสินค้า เพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายของธุรกิจได้อีก
7. Local Marketing
เป็นเทคนิคที่เหมาะกับธุรกิจออฟไลน์ ที่ทำการขายสินค้าออนไลน์ด้วย โดยจะเป็นการยิงโฆษณาไปยังลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ในรัศมีที่กำหนด เช่น โปรโมทร้านอาหารให้กับกลุ่มคนที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร หรือใช้ภาษาที่สอดคล้องกับคนในพื้นที่เพื่อเชื่อมโยงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความรับรู้ และดึงดูดให้คนแวะเข้ามาที่หน้าร้านมากขึ้น
ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า ธุรกิจควรเลือกโฟกัสกับช่องทางและเทคนิคที่เหมาะสมกับตนเอง โดยแบรนด์อาจทำการทดลองกลยุทธ์ทางการตลาดในกลุ่มเล็กๆ ด้วยงบประมาณไม่มากก่อน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ และพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุน อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าเทคนิคทางการตลาดจำเป็นที่จะต้องได้รับการประเมินอยู่เสมอ และต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ