หน้าแรก คู่มือเลือกซื้อสินค้า แนะนำมือถือน่าใช้ 2020 – 2022 ซื้อรุ่นไหนดี? พร้อมวิธีเช็คมือถือ ก่อนซื้อต้องดูอะไรบ้าง?

แนะนำมือถือน่าใช้ 2020 – 2022 ซื้อรุ่นไหนดี? พร้อมวิธีเช็คมือถือ ก่อนซื้อต้องดูอะไรบ้าง?

รวมเรื่องสำคัญที่จะต้องดูก่อนซื้อมือถือใหม่ฉบับอัพเดต 2021 ขั้นตอนการพิจารณา และวิธีเช็คเครื่องก่อนซื้ออย่างละเอียด

44911

ใครที่กำลังวางแผนจะ “ซื้อมือถือใหม่” แต่ยังไม่มีไอเดียว่าจะซื้อมือถือรุ่นไหนดี ก็แหมเดี๋ยวนี้สมาร์ทโฟนมันมีให้เลือกเป็นร้อยๆ รุ่น แถมแต่ละรุ่นก็มีความน่าสนใจและความสามารถที่โดดเด่นไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ Priceza เราจึงได้ทำคู่มือ การเลือกซื้อมือถือใหม่ ที่อัพเดตข้อมูลเทคโนโลยีใหม่ๆ ของมือถือ 2022 เอาไว้ เพื่อช่วยให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกซื้อมือถือน่าใช้ 2022 ได้ง่ายและตรงใจมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเรายังเอาเกร็ดความรู้ วิธีเช็คมือถือก่อนซื้อ เพื่อให้ได้เครื่องสภาพสมบูรณ์ไร้ปัญหากลับบ้านอย่างสบายใจ มาฝากด้วยน้า

<คลิกอ่านสรุปโดยย่อ ที่นี่ ได้เลยจ้า>

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

การเลือกซื้อมือถือใหม่ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของเรา จริงๆ แล้วมันไม่ยากเลย เดี๋ยวนี้พวกสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เกือบทุกรุ่นก็สามารถใช้งานขั้นพื้นฐาน ทั้งการเล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือถ่ายรูป ได้ดีงามแทบไม่ต่างกันแล้ว! เพียงแค่มันจะมีกิมมิก ลูกเล่น ฟังก์ชั่นพิเศษบางอย่างที่บางรุ่นทำได้ดีกว่า เพราะอย่างนี้มันจึงกลายเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ และมีหลายองค์ประกอบที่จะต้องเอามาพิจารณาในการเลือกซื้อ เอาล่ะ หายใจเข้าลึกๆ แล้วลองค่อยๆ ทำตาม 5 STEP การเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่ ทั้งมือหนึ่ง มือสอง เหล่านี้กัน

5 STEP การเลือกซื้อมือถือเครื่องใหม่ ทั้งมือหนึ่ง มือสอง

STEP 1 กำหนดงบประมาณในใจ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่แคร์เรื่องราคา งบไม่อั้นมีเท่าไหร่ก็จัดมา สามารถผ่านข้อนี้ไปก่อนได้เลยจ้า (เดี๋ยวเอาไว้เป็นตัวช่วยตัดสินใจในด่านสุดท้ายอีกที) แต่กับใครที่มีงบลิมิต เพื่อนๆ ควรจะเริ่มต้นด้วยการ กำหนดงบประมาณสูงสุด ของตัวเองในการซื้อมือถือครั้งนี้ก่อน เพื่อเป็นการตีกรอบตัวเลือกสเปคสูงสุดตามงบที่เรามีจริงๆ ซึ่งจะช่วยกรองตัวเลือกมือถือ 2022 รุ่นที่เหลือได้อีกเยอะมาก

Tips : ส่วนใหญ่ถ้าซื้อมือถือใหม่แบบติดโปรกับพวกเครือข่ายมือถือก็จะได้ส่วนลดเพิ่มพอสมควร บางรุ่นลดถึง 50% รวมไปถึงยังสามารถผ่อนชำระ 0%ได้สูงสุดถึง 36 เดือน กันเลย ซึ่งถ้าปกติคุณจ่ายค่าโทรศัพท์รายเดือน 699-1,000 บาทอยู่แล้วถือว่าคุ้มค่ามาก

Black Shark 4 Pro

และหากสำหรับใครที่งบไม่อั้นชอบโทรศัพท์ที่มากับประสิทธิภาพที่คุ้มราคา เหมาะกับสายเกมเมอร์แบบจัดเต็มบทความนี้เรามาแนะนำ Black Shark 4 Pro เจ้าฉลามทมิฬที่มาพร้อมกับแรม 8GB+128 รูปแบบจอ AMOLED 144Hz ดีไซน์หรูหราสุดเท่ และยังสามารถชาร์จเร็วสูงสุด 120W อีกด้วย ตัวโทรศัพท์ได้รับรางวัลครองแชมป์สมาร์ตโฟนประสิทธิภาพสูงสุด 5 เดือนซ้อน

แนะนำมือถือราคาไม่เกิน-2000-บาท

แนะนำมือถือน่าใช้ ปี 2021 ราคาไม่เกิน 2,000 บาท

Realme C12

กล้องหลัง 3 เลนส์ หน้าจอทรงหยดน้ำขนาด 6.5 นิ้ว HD+กล้องหน้าแบบ In-display Selfie ความละเอียด 8MP กล้องหลัก Nightscape  แบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh รองรับชาร์จ 10WUSB-OTG รองรับเทคโนโลยีชาร์จไฟ จากสมาร์ทโฟนไปสู่อุปกรณ์เครื่องอื่นถาดใส่การ์ด 3 ช่อง

TWZ MU1

จอแสดงผล IPS-HD 24-bit (16 ล้านสี) รองรับ 2 ซิมการ์ด กล้องดิจิตอล 13+0.3MP ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 3,000 mAh

RUIO S5560

หน้าจอกว้าง 5.5 นิ้ว ระบบ Android 9.0 (Pie) กล้องหน้า 5 MP กล้องหลัง 8+2 MP แบตเตอรี่ 2500 mAh

แนะนำมือถือราคาไม่เกิน-3,000-บาท

แนะนำมือถือน่าใช้ ปี 2021 ราคาไม่เกิน 3,000 บาท

Xiaomi Redmi 9A

กล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซล รองรับ 2 ซิมการ์ด หน่วยความจำ RAM 2GB ROM 32GB การ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 512 GB แบตเตอรี่ Li-Pol 5,000 mAh 

Huawei Y5p

จอแสดงผล IPS-LCD 24-bit (16 ล้านสี) ใช้งาน Nano-SIM รองรับ 2 ซิมการ์ด หน่วยความจำ 32 GB (ตัวเครื่อง) RAM 2GB การ์ดหน่วยความจำ microSD สูงสุด 512 GB แบตเตอรี่ Li-Pol 3,020 mAh

Wiko View4

จอแสดงผล IPS 24 bit 16 ล้านสี พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ 64 GB ที่ทำงานร่วมกันกับหน่วยประมวลผลข้อมูลขนาด 2 GB โดยที่สามารถเลือกใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้มากมายบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสุดทันสมัย แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh

แนะนำมือถือราคาไม่เกิน-5000-บาท

แนะนำมือถือน่าใช้ ปี 2021 ราคาไม่เกิน 5,000 บาท

Samsung Galaxy A12

กล้องหลัง 4 ตัว (AI Quad Camera) มีหน้าจอไร้ขอบแบบ Infinity-V Display ขนาดใหญ่ 6.52 นิ้ว คมชัดระดับ HD+มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 15W Fast Charging ขการทำงานด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G35 จากซีรีส์เกมมิ่ง จับคู่กับ RAM ขนาด 4GB+ROM ขนาด 128GB 

Vivo Y12s

มาพร้อมการดีไซน์ตัวเครื่องแบบ 2.5D Dazzling Colors มีหน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว กล้องหลัง AI Dual Camera รันด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P35 RAM 3GB+ROM 32GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh

OPPO A15s

สมาร์ทโฟน A Series รุ่นอัปเกรดที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านหน้าจอแสดงผลขนาด 6.52 นิ้ว พร้อมกล้องหลัง AI Triple Camera ความละเอียดสูงุสด 13 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ ด้านประสิทธิภาพการทำงาน มาพร้อมกับขุมพลัง MediaTek Helio P35 พร้อม RAM ขนาด 4GB และแบตเตอรี่ขนาด 4230mAh

แนะนำมือถือราคาไม่เกิน-10000-บาท

แนะนำมือถือน่าใช้ ปี 2021 ราคาไม่เกิน 10,000 บาท

Samsung Galaxy M51

ดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ Infinการity-O Display พร้อมฝาหลังเงางามที่ติดตั้งกล้องทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และรันด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 730 จับคู่กับ RAM 8GB+ROM ขนาด 128GB บนระบบปฏิบัติการ Android 10 รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W SuperFast Charge  แบตใหญ่แบบจัดเต็มที่ 7000 mAh

Vivo V20 SE

กล้องหน้าความละเอียดสูง 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนผสานกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ความคมชัดระดับ Full HD+พร้อมซึ่งรันด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 665  RAM 8GB+ROM 128GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 4100 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 33W Vivo FlashCharge 2.0

Oppo A93

ตัวเครื่องบางเฉียบ 7.48 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักเบา 164 กรัม หน้าจอ Mini Dual Punch-Holes Super AMOLED Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+รันด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P95  RAM ขนาด 8GB โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18W Fast Charging และมีกล้องทั้งหมด 6 ตัวในเครื่องเดียว (6 AI Portrait) แบ่งออกเป็น กล้องหน้าคู่ และกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล

OnePlus Nord N10 5G

เชื่อมต่อเครือข่าย 5G บนการดีไซน์จอไร้ขอบเจาะรูกล้องหน้าแบบ Punch-Hole Display ขนาด 6.49 นิ้ว คมชัดระดับ Full HD+โดยมีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz รวมถึงรันด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 690 รุ่นใหม่ล่าสุด RAM ขนาด 6GB+ROM ขนาด 128GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T (5V/6A) ผ่านพอร์ต USB Type-C ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย OxygenOS

แนะนำมือถือราคาไม่เกิน-15,000-บาท

แนะนำมือถือน่าใช้ ปี 2021 ราคาไม่เกิน 15,000 บาท

Vivo V20 Pro 5G

มือถือที่มีจุดเด่นเป็นกล้องหน้าคู่ หน้าจอ AMOLED 6.44 นิ้ว FHD+ใช้ชิป Snapdragon 765G มีแรม 8GB ความจุ 128GB กล้องหลังมี 3 เลนส์ 64MP แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรันบน Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11

Xiaomi Mi 10T / Mi 10T Pro

ใช้ชิปตัวแรง Snapdragon 865 มีแรมสูงสุด 8GB ความจุสูงสุด 256GB กล้องหลัง 3 เลนส์ 108MP ถ่ายวิดีโอ 8K ได้ กล้องหน้า 20MP แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W และรันบน Android 10 ความจุสูงสุด 128GB

Realme X50 5G

มือถือรองรับ 5G หน้าจอขนาด 6.57 นิ้ว ชิปเซต Snapdragon 765G Octa-core ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย ColorOS 7 มีกล้องหลัง 4 เลนส์ รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ Nano-SIM 2 ซิม  แบตเตอรี่  ความจุ 4,200 mAh พร้อมเทคโนโลยี VOOC 4.0 ระดับ 30 W

OPPO Reno 4 Z 5G

มือถือรุ่นย่อยในตระกูล Reno 4  มีหน้าจอ Refresh Rate 120Hz เป็นจอ LCD ขนาด 6.57 นิ้ว FHD+และใช้ชิป Dimensity 800 รองรับ 5G  RAM 8GB ความจุ 128GB กล้องหลัง 4 เลนส์ 48MP กล้องหน้าคู่ 16MP แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 18W และรันบน Android 10

คลิกดูการเปรียบเทียบ สเปค Oppo F11 Pro, Vivo V15 และ Samsung A50

Realme X3 Super Zoom

ด้านนอกของตัวเครื่องจะเป็น Aluminum Frame แต่ด้านหน้า และด้านหลังเป็นกระจกแบบ Gorilla Glass 5 ให้ความแข็งทนทาน หน้าจอจะเป็นแบบ IPS-LCD ขนาด 6.55 นิ้ว ปของรุ่นนี้จะเป็น Snapdragon 855 Plus กับกราฟิก Adreno 640   ระบบชาร์จแบตเตอรี่ Li-Pol 4,200 mAh  รองรับชาร์จไว 30W (Fast Charging)

Huawei Nova 7

กล้องให้มาถึง 4 เลนส์ 64 ล้านพิกเซล ได้ชิป Kirin 985 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ตัวเครื่องตอบสนองกับการใช้ 5G มาพร้อมกับแรม 8GB และความจำ 256GB กราฟิกได้ใส่ Mali G77 MP8 แบตเตอรี่ของรุ่นนี้จะแป็นแบบ Li–Po ที่ความจุ 4,000 mAh รองรับ Super–Charge ได้ไวถึงขนาด 40W

Samsung Galaxy A71

จอแสดงผล Super AMOLED Plus 24-bit (16 ล้านสี) มีกล้องหลังถึง 4 ตัวด้วยกัน ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รองรับ 5G หน่วยความจำ  RAM 8GB ROM 128GB แบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับชาร์จไว 25W (Fast Charging)

STEP 2 ดูเป้าหมายในการซื้อมาใช้งาน

เมื่อได้งบประมาณในใจแล้ว ต่อมาให้ลองสังเกตความต้องการของตนว่า นอกจากความสามารถพื้นฐานของสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง เช่น การโทร ส่งข้อความ ถ่ายรูป ดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเทอร์เน็ต แอปโซเชียล ไลน์, เฟซบุ๊ค, ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม ฯลฯ ที่ส่วนใหญ่ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว คุณต้องการอะไรพิเศษเพิ่มไหม เช่น อยากได้มือถือใหม่ที่เอาไว้เล่นเกม คุณอาจจะต้องการสมาร์ทโฟนสเปคแรงๆ แบตอึดๆ หรือถ้าอยากได้สมาร์ทโฟนกล้องสวยมากๆ คุณอาจจะต้องพุ่งประเด็นไปดูเรื่องฟีเจอร์กล้อง เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเรื่อง สเปคมือถือ ที่เราจะพูดในหัวข้อถัดไป

STEP 3 ดูสเปคมือถือให้ตรงกับความต้องการ

พักน้ำดื่มท่ากันสักหน่อย ฮ่าๆ เพราะในหัวข้อที่กำลังจะพูดถึงนี้ มันค่อนข้างยาว รายละเอียดเยอะ และมีคำศัพท์แปลกๆ เยอะพอสมควร แต่รับประกันเลยว่าอ่านจบปั๊ปคุณจะเลือกมือถือได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

 

เวลาเลือกสเปคในแต่หัวข้อย่อย ถ้ารู้สึกว่าอันไหนมันตรงกับความต้องการก็ให้จดๆ ไว้ก่อน แล้วพอถึงส่วนสุดท้าย เอามาจับคู่กัน ทีนี้คุณก็จะได้รุ่นที่มีสเปคตรงกับความต้องการในรอบรองชนะเลิศแล้ว โดยเรื่อง สเปคจะมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลัก 6 สิ่ง ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ ดีไซน์วัสดุตัวเครื่อง หน้าจอแสดงผล กล้อง ประสิทธิภาพความเร็ว และปริมาณแบตเตอรี่

1. ระบบปฏิบัติการ

สมาร์ทโฟนบนโลกใบนี้ ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 90 สามารถแบ่งได้ 2 ระบบปฏิบัติการ เท่านั้นแหละ ได้แก่ แอนดรอยด์ Android และ ไอโอเอส iOS (iPhone) ซึ่งทั้งสองระบบต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป

 

สมาร์ทโฟน Android มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร และเหมาะกับใคร?

 

มือถือระบบแอนดรอยด์ เหมาะกับคนที่มีงบจำกัดเพราะมีราคาเริ่มต้นเพียงหลักพันไปจนถึงหลายหมื่น รักอิสระ เพราะสามารถปรับแต่งตัวเครื่อง เปลี่ยนธีม ไอคอน แต่งฟอนต์ ได้หลากหลาย สามารถต่อเข้ากับคอมเพื่อถ่ายโอนข้อมูลได้เกือบทุกอุปกรณ์โดยไม่ต้องผ่านโปรแกรมใดๆ ในส่วนของหน้าด้านใน (Interface) จะมีความแตกต่างกันตามยี่ห้อผู้ผลิต และเวอร์ชั่นของแอนดรอยด์ที่ใช้ อาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติมกรณีเปลี่ยนยี่ห้อ ซึ่งเวอร์ชั่นล่าสุดคือ Android Q (เวอร์ชั่น 10) ในการอัพเดตระบบจะมีระยะเวลาเฉลี่ย 2 ปี หรือได้อัพเดตเวอร์ชั่นใหม่สูงสุด 2-3 เวอร์ชั่น

เพื่อความปลอดภัยและฟังก์ชั่นใหม่ๆ ผู้เขียนแนะนำให้เลือกใช้สมาร์ทโฟนที่มาพร้อม ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่น 6 Marshmallow หรือ Android Go ขึ้นไป

 

สมาร์ทโฟน iOS มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร และเหมาะกับใคร?

 

มือถือระบบ iOS หรือ iPhone เหมาะกับคนที่ชอบอะไรเรียบง่าย ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ถ้าเป็นเวอร์ชั่น iOS เดียวกันมีหน้าตาด้านใน (Interface) องค์ประกอบ จะมีหน้าตาเหมือนกัน โดยมีเวอร์ชั่นล่าสุดคือ iOS 13 ที่กำลังจะเปิดให้ผู้ใช้อัพเดตอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2562 นี้ ระบบ iOS มีจำนวนแอปพลิเคชั่นที่รองรับเยอะกว่า และมีความปลอดภัย รวมไปถึงคุณภาพของแอปกว่าแอนดรอยด์พอสมควร (อ้างอิงจาก การค้นพบแอปปลอมบน Play Store จำนวนมาก) ยิ่งไปกว่านั้นข้อดีที่สำคัญสุดคืออายุการอัพเดต ระบบยาวนานมากอย่างน้อยก็ 4 ปี (เมื่อเปรียบเทียบจาก iPhone 5S ที่เปิดตัวมาด้วย iOS 7 และปัจจุบันสามารถอัพเวอร์ชั่นข้ามมาได้ถึง iOS 12 เป็นต้น)

เพื่อความปลอดภัยของมือถือ 2021 และฟังก์ชั่นใหม่ๆ กรณีที่มีงบเพียงพอ ผู้เขียนแนะนำให้เลือกซื้อ iPhone 6S และ iPhone SE ขึ้นไปเพราะสามารถอัพเกรดเป็น iOS13 เวอร์ชั่นล่าสุดในอนาคตได้

2. ดีไซน์และวัสดุตัวเครื่อง

สเปคแรงไม่แรงไม่รู้แต่ขอเครื่องสวยไว้ก่อน คือแบบถ้าซื้อมาแล้วหน้าตาไม่โดนใจ คุณก็อาจรู้สึกไม่ค่อยอยากหยิบมันขึ้นมาใช้ แต่จะสวยแต่รูปก็ไม่ไหว สิ่งที่มาพร้อมกับความสวยนั้นคือเรื่องฝาหลังตัวเครื่องที่ผลิตมาจากวัสดุหลากหลายประเภท ซึ่งวัสดุแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติความทนทานและการถ่ายโอนความร้อนที่แตกต่างกัน โดยวัสดุที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่ แก้ว (Glass), พลาสติก (Plastic) หรือ โพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate), โลหะอลูมิเนียม (Aluminium Metal) และเซรามิก (Ceramic) เป็นต้น

คุณสมบัติ  ลำดับ (เรียงจากมาก – น้อย)
ความทนต่อการหล่นแตก โลหะ > พลาสติก > เซรามิก > แก้ว
ความทนต่อรอยขีดข่วน เซรามิก > แก้ว > โลหะ > พลาสติก
ความร้อนตอนใช้งาน โลหะ > แก้ว > พลาสติก > เซรามิก
การระบายความร้อน โลหะ > เซรามิก > แก้ว > พลาสติก

3. หน้าจอแสดงผล

เป็นส่วนหน้าของตัวเครื่องที่ทำหน้าที่แสดงผลภาพมาให้เราเห็น และเป็นส่วนที่เราจะต้องเอามือไปทัชสัมผัส ในส่วนนี้เราจะโฟกัสไปที่ 5 เรื่องคือ รูปแบบ, ประเภท, ขนาด, ความละเอียดและเทคโนโลยีแสดงผลพิเศษ, กระจกที่ใช้ และสุดท้ายการทัชสกรีน

 

รูปแบบหน้าจอ

 

พูดถึงหน้าจอในปีผ่านๆ มี ได้มีการออกดีไซน์หน้าจอแบบใหม่ๆ ออกมาเพิ่มความน่าใช้ให้พวกมันเยอะแยะเลย

  • หน้าจอดีไซน์คลาสิคมีขอบบนล่าง ซึ่งเป็นอัตราส่วนมาตรฐานของมือถือใหม่ในยุคนี้
  • หน้าจอแบบ Notch มีรอยบากบนหน้าจอ
  • หน้าจอรอยบากแบบหยดน้ำ
  • หน้าจอเจาะรูบนหน้าจอ
  • หน้าจอแบบเต็มสกรีน ด้วยการซ่อนกล้องหน้าแบบป็อปอัพ
  • หน้าจอแบบพับได้สุดล้ำใน Samsung Galaxy Fold และ Huawei Mate X ที่เตรียมเป็นเจ้าของกันในช่วงกลางปี 62

 

ดีไซน์หน้าจอมือถือ-สมาร์ทโฟน-2019

 

ประเภทหน้าจอ

 

ชนิดของจอที่นิยมใช้ปัจจุบันมีสองประเภทคือ

  • หน้าจอ OLED(AMOLED) ที่มีคุณสมบัติแสดงผลภาพในขอบเขตสีเยอะ เด่นที่ความสดสีความอิ่มของสี สีดำจะดำสนิท ใช้พลังงานน้อยกว่าเพราะจอประเภทนี้สามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวเอง
    เช่น iPhone XS Max, Samsung Galaxy S10, Huawei P30 Pro
  • หน้าจอ LCD มีคุณสมบัติสู้แสงจ้าได้ดีกว่า ส่วนสีขาวจะขาวสะอาด แต่ส่วนสีดำจะดำไม่สุด ราคาสมาร์ทโฟนที่ใช้หน้าจอชนิดนี้จะถูกกว่า เช่น Huawei Y9 2019, iPhone XR

 

ขนาดหน้าจอ

 

เทรนด์ขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนที่วางขายกันส่วนใหญ่จะอยู่ที่ราว 5 นิ้วไปจนถึง 6.5 นิ้ว แน่นอนละว่าใครที่ชอบดูหนัง เล่นเกม ยิ่งจอใหญ่ก็จะยิ่งมีพื้นที่แสดงผลได้เต็มตามากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

ความละเอียดและเทคโนโลยีพิเศษ

 

ความละเอียดของหน้าจอ จะมีผลต่อความคมชัดของเนื้อที่เรากำลังดูอยู่ เช่น ถ้าเราดู Youtube ที่ความละเอียด 1080p บนมือถือหน้าจอ HD จะรู้สึกว่าภาพจะไม่คมชัดเท่าการดูบนมือถือที่มีหน้าจอความละเอียด Full HD+ นั่นเอง

  • มือถือจอ HD+ หรือ 720p เช่น iPhone 8, iPhone Xr, Huawei P30 Lite
  • มือถือจอ Full HD+ (1080p) เช่น iPhone XS, Huawei P30 Pro
  • มือถือจอ 2K (1440P) เช่น Samsung S10 Plus
  • มือถือจอ 4K (3840p) เช่น Sony Xperia 1

 

กระจกจอ

 

อย่างที่หลายคนพอจะทราบกันดีว่าส่วนพื้นผิวของหน้าจอมือถือส่วนใหญ่ จะใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก ซึ่งมีทั้งแบบแบน 180องศา แบบขอบโค้ง 2.5D และจอโค้งเต็มรูปแบบ เหมือนในมือถือตระกูล Galaxy S7 ขึ้นไป ซึ่งยี่ห้อกระจกที่นิยมใช้กันมากจะเป็นกระจกยี่ห้อ Corning Gorilla Glass ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่น แต่ให้จำไว้ว่า ยิ่งตัวเลขเวอร์ชั่นเยอะก็จะยิ่งใหม่ และทนทานต่อการแตก และรอยขีดข่วนได้เยอะ โดยเวอร์ชั่นล่าสุดที่ใช้ในสมาร์ทโฟนคือ Gorilla Glass 6

 

การทัชสกรีน

 

ใช่จ้าเดี๋ยวนี้จอของสมาร์ทโฟนทุกรุ่น สามารถใช้งานการสัมผัสได้ แต่เรื่องการตอบสนองและฟีลลิ่งตอนทัชนี่บอกเลยว่าแต่ละรุ่นไม่เหมือนกันนะ บางครั้งแตะแล้วไม่ไป แตะแล้วไม่โดน ทัชไม่แม่น ก็อาจสร้างความหงุดหงิดตอนใช้งานได้เหมือนกัน แนะนำว่าต้องลองไปทัชตัวเครื่องเอง นอกจากนี้ในเรื่องการจำนวนการแตะหลายๆ จุดพร้อมกัน (Multitouch) ซึ่งมีตั้งแต่ 5-10 จุด เป็นต้น

4. กล้องหลัง กล้องหน้า การถ่ายภาพและวิดีโอ

กล้อง ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เป็นปัจจัยที่หลายคนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เสมอในการเลือกซื้อมือถือสักเครื่อง เนื่องด้วยไลฟ์สไตล์ของคนสมัยนี้ที่ชอบแชะ ชอบเซลฟี่ ชอบ VLOG ชอบบันทึกเรื่องราวของตนเอง คือถ้ามีกล้องดีๆ รูปที่ถ่ายหรือวิดีโอที่ได้ก็จะดูมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีกล้องบนสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้มันไปไกลมาก ดีไม่ดีใช้แทนกล้องตัวใหญ่ๆ ได้เลย

 

โดยกล้องของมือถือแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ในจุดนี้เพื่อนๆ ไม่รู้จะเลือกมือถือรุ่นไหนดี อาจจะต้องไปลองดูรีวิวเปรียบเทียบเอาเอง แต่ถ้าจะให้ลองสังเกตแบบบ้านๆ มีสิ่งที่ต้องดู 2 เรื่องคือ

  1. จำนวนพิกเซล และค่ารูรับแสง (ค่า F) – จำนวนพิกเซลที่เยอะไม่ได้แปลว่าจะทำให้ถ่ายภาพออกมาได้สวยกว่า แต่มันจะสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้มากกว่า คมชัดมากกว่า รวมไปถึงค่ารูรับแสง หรือที่มักเห็นเค้าเขียนกันว่าค่า F หากค่า F ยิ่งมีตัวเลขน้อย หมายถึงรูรับแสงจะยิ่งกว้าง และความกว้างนี้จะช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยทำได้ดีขึ้น
  2. ฟังก์ชั่น หรือฟีเจอร์พิเศษ – อย่างที่บอกไป ว่ามือถือแต่ก็มีความน่าสนใจของกล้องที่ไม่เหมือนกัน บางรุ่นถ่ายสภาวะแสงโหด ๆ (แสงน้อย ที่มืด ย้อนแสง) ได้เป็นอย่างดี บางรุ่นซูมได้ไกลเป็น 50 เท่า บางรุ่นใช้เลนส์มุมกว้างเป็นร้อยองศา บางรุ่นใช้ AI มาช่วยประมวลผล บางรุ่นโหมดบิวตี้กล้องเนียนกริบจนแทบไม่ต้องแต่งหน้า หรือ บางรุ่นถ่ายวิดีโอนิ่งจนไม่ต้องพึ่งขาตั้งกล้อง เป็นต้น

 

ณ จุดนี้ก็ยังขอยืนยันให้ต้องลองไปหารีวิวดูเพื่อประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมจ้า  ทั้งนี้การแสดงผลใน Facebook หรือ Instagram ความละเอียดของรูปหรือวิดีโออาจจะไม่ค่อยมีผลอะไรมากนัก เนื่องจากเวลาอัพโหลดพวกมันขึ้นไป ก็จะถูกลดขนาด ลดคุณภาพของลงอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องภาพ คำว่า “สวย” ของแต่ละคนก็ให้ความหมายไม่เหมือนกัน

5. ความเร็วและประสิทธิภาพในการทำงาน

สมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่งจะเร็วหรือช้า มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 อย่างคือ CPU (ชิปประมวลผล), ปริมาณ RAM และซอฟต์แวร์ระบบด้านใน โดยถ้าใครอยากได้มือถือใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพใช้งานลื่นไหล เล่นเกมดี ทั้งสามสิ่งนี้ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน

CPU ชิปประมวลผล ถ้าเปรียบสมาร์ทโฟนเป็นร่างกาย ชิปประมวลผลก็เป็นเหมือนกับสมองเลยก็ว่าได้ ยิ่งมีสมองดีก็จะยิ่งคิดอะไรได้ไว ในชิปประมวลผลจะมีการ์ดจอที่ใช้ประมวลผลภาพประกอบด้วย ซึ่งใครที่ชอบเล่นเกม ตัวการ์ดจอในชิปถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วชิปประมวลผลแบบไหนที่เรียกว่าดี ? คำตอบคือให้ดูที่จำนวน Core และความไวที่มีหน่วยเป็น GHz โดยแนะนำว่าถ้าอยากให้การใช้งานพื้นฐานลื่นไหล ควรใช้เป็น Quad-Core (4คอร์) และมีความไว 1.4GHz ขึ้นไป

RAM คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่ามือถือที่มี RAM เยอะจะทำให้เครื่องเร็ว ซึ่งก็ถือว่าเข้าใจถูก(ในบางส่วน) เพราะแรมคือหน่วยความจำสำรองที่จะช่วยให้การเปิดหลายแอปพลิเคชั่นพร้อมกัน ถ้ายิ่งมีจำนวนเยอะก็จะสลับแอปไปมาอย่างรวดเร็วได้ไม่ต้องรอให้โหลดใหม่ แต่อย่างที่บอกไปว่าเครื่องจะเร็วมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ RAM เพียงอย่างเดียว อย่าง iPhone 8 ที่ให้มาแค่ 2GB แต่มีความไวมากกว่ามือถือแรม 6 GB อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแนะนำว่า ปริมาณ RAM ที่เหมาะสมบนสมาร์ทโฟนในการใช้งานปี 2019 นี้ ควรจะมีขนาด 3GB ขึ้นไป

Dual = 2 คอร์ / Quad = 4 คอร์ / Hexa = 6 คอร์ / Octa = 8 คอร์

คำถามที่พบบ่อย :  RAM เยอะแต่ทำไมยังเล่นเกมกระตุก?
ตอบ : นั่นอาจเป็นเพราะซอฟต์แวร์ระบบอาจจะยังเข้ากับตัวเกมได้ไม่ดี หรือว่าชิปประมวลผลอาจจะยังไม่แรงพอ เป็นต้น

6. ปริมาณแบตเตอรี่

แบตหมดไว ปัญหาที่ทำเอาหลายคนหงุดหงิด โอเคปัจจุบันมันมีสิ่งที่เรียกว่า แบตสำรอง (Powerbank) แต่บางทีเราก็ไม่อยากพกอะไรเยอะรึเปล่า ดังนั้นการเลือกถ้าสมาร์ทโฟนที่เลือกมีปริมาณแบตเยอะก็จะทำให้คุณใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยเราแนะนำว่า 2,700 mAh ขึ้นไป

>> เลือกขนาดความจุ Power Bank เท่าไรดี

นอกจากนี้สิ่งที่มาควบคู่กับเรื่องปริมาณแบตเตอรี่ นั่นก็คือเรื่องฟังก์ชั่นการชาร์จ ซึ่งบางรุ่นจะรองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย เทคโนโลยี Reverse Charge ที่สามารถใช้มือถือตัวเองชาร์จไฟให้เครื่องอื่นได้ หรือเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่จำเป็นมากๆ และช่วยย่นระยะเวลา เพิ่มสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีชาร์จไวที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้คือ Super VOOC Charge ของ Oppo Find X และ Oppo R17 Pro ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% (2,500 mAh) ภายใน 15 นาที

STEP 4 ดูหรืออ่านรีวิวก่อนซื้อ

ถึงเวลาเบิกตัวผู้ช่วยตัดสินใจคนสำคัญนั่นก็คือ “รีวิว” ไงละจ้ะ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนเวลาจะเลือกซื้ออะไรใหม่ๆ ก็คงต้องเสิร์ชดูรีวิวกันก่อนอยู่แล้วแหละ สมาร์ทโฟนก็เป็นอีกสิ่งที่คุณควรหามาอ่าน เพราะว่ามันจะทำให้คุณเห็นข้อดี และข้อเสียของสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ ที่คนขายอาจจะไม่ได้บอก! มากกว่าเดิม

จะหารีวิวจากไหน? คือถ้าไม่ใช่รุ่นใหม่อะไรเวอร์ หาใน Google ด้วยคำว่า “รีวิว+รุ่นที่ต้องการ” รับรองว่ามีแน่นอนทั้งที่เป็นบทความและวิดีโอ แต่ถ้าอยากได้แบบอัพเดตไวสุดๆ แนะนำเป็นรีวิวมือถือ Pantip ที่หลายๆ จะมีคนมาช่วยกันรีวิวคอมเมนต์เยอะมาก

Tips : “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือจับ” แม้จะอ่านหรือดูรีวิวจนตาแฉะ แต่ถ้าไปลองจับลองใช้งานจริง บางทีรีวิวเหล่านั้นอาจจะไม่มีความหมายเลยก็ได้ ดังนั้นถ้าหาโอกาสได้ควรได้ไปลองใช้งานจริงกันก่อนด้วยนะ

เลือกมือถือยี่ห้อไหนดี? แต่ละแบรนด์มีจุดเด่นตรงไหน

จากประสบการณ์ของผู้ใช้จริงที่ได้เขียนรีวิวบนเว็บไซต์ Priceza.com ที่เราได้เก็บรวบรวมมา สรุปตามความคิดส่วนใหญ่เห็นต่อแบรนด์สมาร์ทโฟนแบรนด์ต่างๆ ได้ดังนี้จ้า

โทรศัพท์มือถือ Apple iPhone

สมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ใครๆ ก็รู้จัก สเปคสุดเกือบทุกด้าน ราคาค่อนข้างสูง แต่แลกมาด้วยการอัพเดตที่ยาวนานขั้นต่ำ 4 ปี ราคาไม่ค่อยตก ขายต่อได้ราคาดี การแจ้งเตือนทำได้ดีมาก เหมาะกับคนค้าขายออนไลน์ที่ต้องตอบลูกค้าในแอป Page Manager (พบปัญหาไม่ขึ้นแจ้งเตือนสมาร์ทโฟนหลายรุ่น) ความโดดเด่นที่สุดคงจะเป็นเรื่องระบบ iOS ที่ใช้งานง่ายและดึงประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาได้ดีมากๆ แม้จะเป็นรุ่นเก่า 4 ปีที่แล้วอย่าง iPhone 6s ก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล

โทรศัพท์มือถือ Samsung

สมาร์ทโฟนแบรนด์มหาชน ที่บอกแบบนี้เพราะมีการซอยรุ่นแยกเป็น รุ่น J, รุ่น A, รุ่น M รุ่น S และ รุ่น Note ตามช่วงราคาและสเปคเยอะมาก เรียกได้ว่ามีงบเท่าไหร่ก็สามารถเป็นเจ้าของมือถือซัมซุงได้ โดดเด่นที่หน้าจอ AMOLED ที่ให้สีสันสดใสสวยงาม และสิทธิประโยชน์บนแอปพลิเคชั่น Galaxy Gift ให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือซัมซุงทุกรุ่น ที่ทุกเดือนจะมีแจกส่วนลดหรือของฟรี มูลค่ารวมต่อปีกว่า 30,000 บาท กันเลยทีเดียว

โทรศัพท์มือถือ Xiaomi

ใครกำลังหาสมาร์ทโฟนสเปคครบเครื่อง ในราคาเบาๆ เสียวหมี่ยี่ห้อนี้ไว้ใจได้เลย โดดเด่นที่ความจัดเต็มของสเปค ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นในเรทราคาเท่ากัน ตัวเครื่องสามารถเอาไปปรับแต่งอะไรได้เยอะสุดๆ ใครเป็นสายโมรอม สาย Root เครื่อง รวมไปถึงคอเกมเมอร์น่าจะถูกใจ เพราะว่าจะใช้ชิปประมวลผล Snapdragon ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นเกมส์ และล่าสุดได้ทำการแยกแบรนด์ย่อย Redmi และ Pocophone ออกมาช่วยเติมช่องว่างในตลาดสมาร์ทสเปคโฟนราคาย่อมเยาอีกด้วย รุ่นยอดนิยม เช่น Xiaomi Redmi Note 6 Pro, Xiaomi Mi 8 , Xiaomi Max 2 เป็นต้น

โทรศัพท์มือถือ Huawei

หัวเหว่ย ยี่ห้อมือถือที่ถูกกล่าวขานว่าถ่ายรูปดีที่สุดในโลก (จัดอันดับโดย DxOMarks.com) ณ ขณะนี้ อย่างรุ่นพี่ใหญ่ Huawei P30 Pro ซึ่งยอมรับเลยว่าช่วงหลังๆ พี่หัวแกทำการบ้านมาดี อัดสเปคมาให้รุ่นราคาครึ่งหมื่นที่จัดจ้านมาก มีชิปประมวลผลเป็นของตัวเอง ที่ไม่ได้แย่กว่าชาวบ้านเลย เช่น Huawei Y9 2019 ที่ได้จอ 6.5 นิ้ว กล้องหลังคู่ และ RAM มาถึง 4GB กันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นได้ออกแบรนด์ลูก Honor มาเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนสเปคดี ใช้ชิประดับท็อป ราคาเบาๆ อีกด้วย

โทรศัพท์มือถือ Oppo

แบรนด์สมาร์ทโฟนที่ตีตื้นยืนหนึ่งด้วยยอดขายมากที่สุดในบ้านเราปีที่ผ่านมา โดดเด่นที่กล้องหน้าโหมดบิวตี้ที่งามงดชดช้อย สวยเป๊ะ และยืนหนึ่งด้วยเทคโนโลยีชาร์จไวของตนเอง Super VOOC Charger ที่เร็วที่สุดในโลก แต่ข้อเสียคือชอบแถมแพ ไม่ค่อยเดตซอฟต์แวร์อัพ หรืออัพเดตช้า

โทรศัพท์มือถือ Vivo

อีกหนึ่งยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพกล้องเซลฟี่ เนียนใส ไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ ใครที่หามือถือเน้นกล้องหน้า วีโว่ถือว่าตอบโจทย์เป็นอันดับต้นๆ นอกจากนี้ใครที่ชอบฟังเพลงในสมาร์ทโฟนวีโว่บางรุ่น เช่น Vivo X21 จะมีชิปเสียง Hifi ที่ทำให้การฟังเพลงจากหูฟังเก็บรายละเอียดได้ดีมากๆ อีกด้วย ส่วนข้อเสียใกล้เคียงกับ ออปโป้ คือชอบแถมแพ ซอฟต์แวร์อัพเดตช้า

STEP 5 ดูโปรโมชั่น และการรับประกัน

บางครั้งเราอาจจะต้องยอมตกเป็นเหยื่อการตลาด กับโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ซึ่งส่วนใหญ่จะคุ้มค่าเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนลด การผ่อนชำระ การได้เครดิตเงินคืน และของแถม เป็นต้น บางรุ่นบางแบรนด์ บางร้านมีการรับประกันจอแตกเพิ่มให้ด้วยนะ ยิ่งไปกว่านั้นทุกๆ ปี จะมีงาน Thailand Mobile Expo งานมหกรรมขายสมาร์ทโฟนและแก็ดเจ็ตที่น่าสนใจมากๆ ในราคาพิเศษ โปรโมชั่นพิเศษ และของแถมที่เยอะสุดๆ คือบอกเลยว่าใครที่เล็งจะซื้อมือถือใหม่ไม่ควรพลาดงานนี้ ปัจจุบันจะจัดปีละ 3 ครั้ง ณ ไบเทคบางนา ซึ่งในปีนี้ครั้งต่อไปจะจัดในวันที่ 3-6 ตุลาคมที่จะถึงนี้

Tips : ในบางร้านค้าจะโปรโมชั่นเพิ่มประกันจอแตก สำหรับสมาร์ทโฟนที่ร่วมรายการบางรุ่น ซึ่งถือว่าเป็นโปรฯ ที่ค่อนข้างน่าสนใจ

ซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ที่ไหนดีที่สุด ราคาถูกที่สุด?

เดี๋ยวนี้การจะซื้อมือถือใหม่ซักเครื่องนึงนี่ง่ายพอๆ กับการซื้ออาหารตามสั่งเลย ขอแค่มีตังค์มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก ร้านขายมือถือมีเยอะไปหมด ทั้งบนห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์บริการของแต่ละยี่ห้อ รวมไปถึงช้อป TRUE DTAC AIS ซึ่ง การซื้อมือถือในราคาที่ถูกที่สุด จะเป็นการซื้อแบบติดโปรกับค่ายโทรศัพท์นั่นเอง แต่ต้องแลกมาด้วยการติดสัญญา หรือบริการชำระล่วงหน้า

แต่จะบอกว่าเดี๋ยวนี้ ซื้อมือถือออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ มันมักจะมีส่วนลดมากกว่า เพราะว่าสามารถใช้โค้ดส่วนลดได้ ในบางร้านสามารถคืนของได้ ณ วันที่รับเลย ส่วนแต่ข้อเสียคือการไม่สามารถตรวจเช็คตัวเครื่องได้

วิธีเช็คมือถือก่อนออกจากร้าน เช็คเครื่องก่อนซื้อ

แม้ว่าจะซื้อมือถือใหม่เครื่องจากศูนย์บริการโดยตรงก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไปนะ ขึ้นชื่อว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มันย่อมมีโอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดในกระบวนการผลิตได้เสมอ ซึ่งในจุดนี้หากเราสามารถเช็คปัญหาเหล่านั้นได้เอง ร้านค้าจะได้เปลี่ยนเครื่องให้ได้ทันที หรือใครที่ซื้อมือถือมือสองยิ่งต้องควรรู้ โดยวิธีเช็คมือถือก่อนออกจากร้าน และหลังซื้อเครื่องมีดังนี้

หมายเหตุ : ถ้าซื้อมือถือใหม่ที่ร้านแนะนำให้ลองทุกอย่างตรงนั้นเลย ซึ่งอาจจะใช้เวลาพอสมควร แต่เชื่อเราเถอะว่า มันดีกว่าการกลับไปบ้านแล้วต้องมานั่งเศร้าใจ

7 สิ่งพื้นฐานที่ควรตรวจเช็คมือถือใหม่หลังซื้อ

เช็คกล่องและรูปทรงตัวเครื่อง

กรณีเป็นมือถือใหม่มือหนึ่ง กล่องแพ็คเกจจะต้องถูกซีลพลาสติกเรียบร้อย แต่ในบางร้านค้าโดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์ จะมีการขอแกะซีลพลาสติกเพื่อนำสติกเกอร์ด้านในไปรันประกันก่อน ซึ่งจุดนี้ร้านค้าต้องบอกเราก่อนนะ แล้วพอแกะกล่องออกมา ให้เช็คอุปกรณ์ภายในเป็นอันดับแรกว่ามีครบหรือไม่ ส่วนใหญ่ในกล่องก็จะมี ตัวเครื่อง สายชาร์จ หัวชาร์จ คู่มือการใช้งาน แต่ในบางรุ่นอาจจะมี หูฟัง เคส และอแดปเตอร์แปลงหัวหูฟังแถมมาให้ด้วย (สามารถถามคนขาย หรือตรวจสอบข้อมูลอุปกรณ์ภายได้จากเว็บไซต์หลักของแต่ละยี่ห้อได้เลย)

ตัวเครื่อง จะต้องไม่มีรอยขีดข่วน/รอยนิ้วมือ ใดๆ ไม่งอ แต่กรณีเป็นของมือสองที่อาจจะมีตำหนิในบางจุด ซึ่งในจุดนี้เจ้าของเครื่องจะต้องบอกเราว่ามีตำหนิตรงไหนบ้าง

อุปกรณ์เสริม ลองใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น สายชาร์จว่าชาร์จแล้วไฟเข้าไหม หากเครื่องรองรับการชาร์จไว ให้ลองเปิดใช้งานฟีเจอร์นั้นแล้วดูว่าเราสามารถใช้คุณสมบัตินั้นได้หรือเปล่า หูฟังใช้งานได้หรือไม่ เสียงออกทั้งสองข้างหรือเปล่า เป็นต้น

เช็คหมายเลขประจำเครื่อง IMEI

ถ้าเป็นมือถือใหม่ซิงๆ หมายเลขประจำเครื่อง หรือ เลข IMEI ข้างกล่องบรรจุภัณฑ์ จะต้องตรงกับเลข IMEI ในส่วนตั้งค่าของเครื่อง และตัวเลขบริเวณถาดซิม (ของบางรุ่น) จะต้องมีเลขที่ตรงกัน

เลขดังกล่าวสามารถเข้าไปดูได้ในเมนู การตั้งค่า (Setting) >> เกี่ยวกับมือถือ (About Phone) >> หมายเลขประจำเครื่อง (IMEI)

Tips : วิธีเช็คเลข IMEI สำหรับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น ให้เข้าไปที่หน้าโทรศัพท์ แล้วโทรออกไปที่เบอร์ *#06# เครื่องจะทำการโชว์หมายเลข IMEI  ขึ้นมา

เช็คหน้าจอ

หน้าจอเป็นส่วนที่พบปัญหาบ่อยที่สุด และมีจุดให้ตรวจสอบเยอะมาก ทั้งเรื่องแสงลอด (ลองเอาจอไปที่มืดๆ แล้วดูว่าบริเวณขอบมีแสงสว่างแปลกๆ ลอดหรือไม่) เดดพิกเซล (เปิดหน้าจอสีสว่างแล้วสังเกตจุดแปลกๆ บนหน้าจอ) ไบรท์พิกเซล (เปิดหน้าจอ) สีเพี้ยน การทัชหน้าจอ เป็นต้น ซึ่งสามารถเช็คได้ 2 วิธีได้แก่

3.1 เช็คโดยไม่ใช้แอปพลิเคชั่น โดยการเข้าไปที่เมนูการโทรแล้วกดรหัสตามนี้ แล้วเลือกโหมดเช็คหน้าจอ (แต่ละยี่ห้อจะมีวิธีการเข้าถึงและชื่อเรียกที่แตกต่างกัน)

 

ยี่ห้อ รหัสในการเช็ค
Apple
Samsung *#0*#
Huawei *#*#2846579#*#* หรือ##497613
Oppo *#808#
Vivo *#558#
Xiaomi *#*#64663#*#*
Sony *#*#7378423#*#*
Asus .12345+= ในเครื่องคิดเลข

 

นอกจากรหัสเหล่านี้จะใช้เช็คความผิดปกติของหน้าจอได้แล้ว ยังสามารถใช้เช็คเรื่องอื่น ๆ เช่น ความผิดปกติของเซ็นเซอร์ได้อีกด้วยนะ

3.2 ตรวจสอบโดยใช้แอปพลิเคชั่น ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอพที่มีชื่อว่า Screen Test มาใช้ได้เลยทั้งใน iPhone และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ทุกรุ่น

ข้อควรรู้ : แม้ว่าจะเป็นมือถือรุ่นเดียวกัน ล็อตผลิตเดียวกัน สีของหน้าจอสมาร์ทก็อาจจะไม่เหมือนกัน ซึ่งในส่วนนี้ยี่ห้อต่างๆ จะไม่รับเคลม ยกเว้นแต่มันจะเพี้ยนมาก แต่เราสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการตั้งค่าสีของหน้าจอ ที่ในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่จะมีโหมดปรับสีมาให้

เช็คกล้อง และ เสียง

ทดสอบกันต่อด้วยเรื่องกล้องและเสียง ซึ่งวิธีการทดสอบนั้นง่ายมาก ด้วยการลองการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า-หลัง ถ่ายวิดีโอ จากโหมดต่างๆ เช่น บางรุ่นมีโหมดอาหาร โหมด Ultra-wide โหมดซูม 10x หรือโหมด Portrait ภาพถ่ายบุคคล ลองซูมเข้า-ออก เป็นต้น ดูว่าภาพที่ถ่ายได้มันมีอาการแปลกๆ หรือไม่ เช่น กล้องไม่โฟกัส แสงจ้าเกินไป สีเพี้ยนแบบสุดกู่ อันนี้ต้องลองถามพนักงานดูว่ามันปกติมั้ย หรือกรณีที่ใครซื้อเครื่องออนไลน์ ก็ให้ทักผู้ซื้อไปถามเลยนะ อย่าเก็บความสงสัยไว้ เพราะยิ่งช้าก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการที่จะไม่ได้เปลี่ยนเครื่องใหม่จ้า

สำหรับเรื่องเสียง แบ่งเป็นเสียงลำโพง ไมโครโฟน และเสียงสนทนา วิธีทดสอบก็ง่ายๆ ให้ลองเล่นเสียงอะไรก็ได้ในเครื่องดูอาจจะเป็นเสียงจาก Youtube หรือเสียงเรียกเข้าในเครื่องก็ได้ แล้วสังเกตว่าเสียงดังไหม เสียงแตกหรือเปล่า ลองโทรหาเพื่อน ลองเปิดใช้แอปบันทึกเสียง เพื่อทดสอบการเก็บเสียงของไมค์

เช็คเซ็นเซอร์เครื่อง

รู้หรือไม่ว่าเครื่องของเราเต็มไปด้วยเซ็นเซอร์ที่ไว้ใช้ตรวจจับเยอแยะ เช่น เซ็นเซอร์วัดความใกล้ เซ็นเซอร์วัดแสง เซ็นเซอร์เอียงเครื่อง เซ็นเซอร์นับก้าว ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีการใส่ Sensor ชนิดต่างๆ มาให้ไม่เหมือนกันนะ สำหรับเซ็นเซอร์พื้นฐานที่ส่วนใหญ่จะมี 3 ตัว ได้แก่

  • เซ็นเซอร์ตรวจจับความเอียงเครื่อง (Orientation Sensor) ที่เวลาเราเอียงเครื่องในแนวนอนหน้าจอจะหมุนหน้าจอเป็นแนวนอน-แนวตั้ง วิธีทดสอบให้ลองเปิดเว็บอะไรก็ได้ผ่าน Browser แล้วลองเอียงเครื่องดู ถ้าทำแล้วมันหมุนตามการเอียงแสดงว่าใช้ได้ (แต่ถ้าเอียงแล้วไม่หมุนให้ดูด้วยว่าได้ล็อคหน้าจอเป็นแนวตั้งไว้หรือเปล่า)
  • เซ็นเซอร์วัดความใกล้ (Proximity Sensor) ที่จะทำให้จอดับเวลาเราเอาโทรศัพท์แนบหู วิธีทดสอบ ให้ลองโทรออกหาใครก็ได้ แล้วลองเอามือป้องไว้บริเวณลำโพงสนทนาถ้าจอดับแสดงว่าใช้ได้
  • เซ็นเซอร์ระดับความสว่างวัดแสง (Light Sensor) ตรวจวัดความสว่าง เพื่อใช้การปรับแสงหน้าจอแบบ Auto วิธีทดสอบ ให้ลองเปิดโหมดปรับแสงอัตโนมัติ (Auto brightness) แล้วเอามือป้องโทรสัพท์บริเวณหล้องหน้าไว้ ถ้าจอมีการปรับลดแสงลงแสดงว่าเซ็นเซอร์ใช้ได้

แอปเช็คเซ็นเซอร์-มือถือใหม่ iPhone iOS

แอปเช็คเซ็นเซอร์-มือถือใหม่-Android

เช็คการเชื่อมต่อ การโทร และจับสัญญาณ

บอดี้ผ่าน! จอผ่าน! เสียงผ่าน! กล้องผ่าน! ก็มาถึงด่านสุดท้ายนั่นก็คือเรื่องการเชื่อมต่อ ซึ่งจะมีส่วนที่ต้องเช็คคือ

  • เซ็คการโทรและสัญญาณอินเทอร์เน็ต ด้วยการใส่ซิมว่าตัวเครื่องจับสัญญาณได้ไหม ใช้ 4G/3G ได้ กรณีที่เครื่องรองรับ 2 ซิมให้ลองสลับซิมใส่ดู (ขึ้นอยู่กับสเปคของแต่ละรุ่น) ให้ลองเข้าใช้ Internet และลองโทรเข้า-โทรออก
  • เช็คการเชื่อมต่อ Wi-Fi ดูว่าสามารถเชื่อมต่อได้หรือไม่ บางรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 5 GHz ลองดูว่ามือถือเราหามันเจอไหมและเชื่อมต่อได้หรือเปล่า
  • เช็คการเชื่อมต่อ Bluetooth ว่าสามารถเชื่อมต่อได้หรือไม่ โดยอาจจะพกหูฟังไร้สายไป หรือลองเชื่อมต่อกับเครื่องของผู้ขาย
  • เช็คการจับ GPS ด้วยการเปิด Google Maps เพื่อเช็คการตรวจจับ GPS ดูว่าสามารถจับพิกัดเราได้หรือไม่ ใช้นำทางได้หรือเปล่า
  • เช็คพอร์ตต่างๆ ในตัวเครื่องใช้งานได้ไหม โดยเฉพาะพอร์ตชาร์จแบต ถ้าเครื่องรุ่นไหนรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ให้ลองชาร์จดูว่ามันขึ้นฟังก์ชั่นนั้นหรือไม่ด้วยนะ

ถ้าเช็คครบตามหัวข้อทั้งหมดนี้ ก็เอามือถือใหม่กลับบ้านไปใช้อย่างสบายใจได้เลยจ้า ที่เหลือก็แค่ต้องรอดูว่าระหว่างการใช้งานมันมีจุดไหนที่ผิดปกติหรือไม่ ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นบางสถานการณ์มันอาจเกิดจากซอฟต์แวร์ด้านใน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการอัพเดต 🙂

สุดท้ายก่อนจากลากัน เรากล้าพูดได้เลยว่าบนโลกนี้ไม่มีมือถือเครื่องไหนเพอร์เฟกซ์ที่สุด ต่อให้มันราคาเป็นแสนเป็นล้าน เพราะว่าความต้องการของคนเรามันแตกต่างกันและแทบจะไม่มีที่สิ้นสุด แต่…มันจะมีอยู่เครื่องหนึ่งที่สามารถตอบรับกับความต้องการของคุณ ณ ตอนนั้นได้มากที่สุด ซึ่งเราก็หวังว่าหลังจากอ่าน คู่มือเลือกซื้อมือถือใหม่ นี้จบ จะพบเจอสมาร์ทโฟนที่โดนใจเครื่องนั้น และใช้มันอย่างมีความสุขนะคะ

 สรุปสั้นๆ สำหรับคนมีเวลาน้อย เลือกมือถือใหม่ดูอะไรบ้าง เช็คอะไรบ้าง

  • ดูราคา ให้กำหนดงบ แล้วจะรู้ว่ามีมือถือรุ่นไหนที่เราพอจะซื้อได้บ้าง
  • ดูความต้องการว่าอยากเน้นจุดไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า เพราะมือถือส่วนใหญ่มันก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกันหมดแหละ แต่พวกกล้อง จอ แบตเตอรี่ เสียง ฯลฯ เหล่านี้ที่ทำให้พวกมันแตกต่าง แล้วให้ไปโฟกัสที่จุดนั้นๆก่อน
  • อ่าน ดู รีวิวเยอะๆ เพราะมีหลายสิ่งโดยเฉพาะเรื่องของปัญหาการใช้งานที่คนขายไม่ได้มาบอกหรอก แต่ผู้ใช้จริง (ผู้รีวิว) เค้าเอามาแชร์ให้ฟัง และดูว่าปัญหาแบบนี้เรารับได้หรือเปล่า เป็นต้น
  • ลองไปสัมผัสตัวเครื่องจริงสักหน่อย ฟีลลิ่งการถือ การทัช เป็นอีกสิ่งที่อาจเปลี่ยนใจเราได้เลย
  • ดูโปรโมชั่น และการรับประกัน บางโปรคือคุ้มมากๆ และเรื่องการรับประกันดูด้วยที่ใกล้ๆ บ้านมีศูนย์หรือเปล่า บางแบรนด์ศูนย์อาจจะมีไม่ครบทุกจังหวัด เป็นต้น
  • วิธีเช็คมือถือก่อนซื้อเบื้องต้น ให้ดูงานประกอบภายนอก มีรอย มีตำหนิอะไรหรือไม่ ดูการแสดงผลหน้าจอ ดูการเชื่อมต่อซิม สัญญาณโทรศัพท์ 3G/4G Bluetooth Wifi เสียง ไมค์ (ลองโทรออก/รับสาย) และสุดท้ายคือการลองชาร์จแบต เป็นต้น ถ้าสังเกตและรู้สึกว่าจุดไหนผิดปกติ หรือไม่แน่ใจว่าผิดปกติ ต้องถามพนักงานทันทีไม่ต้องอายที่จะขอเช็คจากตรงนั้น เพราะมันเป็นสิทธิ์ของผู้ซื้ออย่างเราอยู่แล้ว