หัวข้อแนะนำที่น่าสนใจ เลือกอ่านได้เลย
สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ Social Media ในปี 2020
• อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มทางเลือกอื่น
ในปัจจุบัน Facebook, Twitter, YouTube และ Instagram ยังเป็นแพลตฟอร์มหลักที่สำคัญสำหรับชีวิตประจำวันและธุรกิจ ถือว่ามีอิทธิพลมากในขณะนี้ แต่ก็ยังมีแพลตฟอร์มอื่นที่กำลังจะก้าวเข้ามามีบทบาทในวงการโชเชียลมีเดียเช่นกัน หนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคนรุ่นใหม่คือ TikTok ที่เปิดตัวในปี 2017 และมีความนิยมเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วเมื่อปี 2019 ตอนนี้มีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 500 ล้านคนต่อเดือนและมีการติดตั้งแอพฯ แล้วมากกว่า 1.1 พันล้านครั้ง ณ เดือนมีนาคม 2562 ซึ่งการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มทางเลือกเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์สามารถมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายที่อาจไม่ได้อยู่ใน Instagram, Facebook หรือ Twitter ได้
• มีการใช้ฟังก์ชั่น Story มากขึ้น ฟังก์ชั่นนี้เริ่มต้นมาจาก Snapchat และได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อมาอยู่ใน Instagram ซึ่ง ณ เดือนมกราคม 2562 มีผู้ใช้เรื่องราวที่ใช้งาน 500 ล้านรายต่อวันทั่วโลก ซึ่งทำให้แม้แต่ Facebook และ YouTube ก็มีฟังก์ชั่นนี้เพิ่มเข้ามาด้วย
• Story นั้นมีความเป็นจริงมากกว่าโพสต์ทั่วไป เพราะมีความเรียลไทม์มากกว่า
• เนื้อหาจะคงอยู่แค่ 24 ชั่วโมง ดังนั้น Story จึงเป็นเนื้อหาที่ไม่ล้าสมัย และไม่รกหน้าฟีดของผู้ใช้งาน
• Social Detox ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากเล็งเห็นว่าโซเชียลมีเดียส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจอย่างไร จึงเลือกที่จะ “Detox” โซเชียลมีเดียจากชีวิตไปบ้าง ซึ่งสาเหตุมาจากข่าวปลอม การถูกคุกคาม และการถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวอื่น ๆ บางคนอาจจะแค่พักชั่วคราว บางคนอาจเลือกใช้แค่แพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง หรือบางคนอาจถึงขั้นการลบแอพฯ และโปรไฟล์ออกไปเลย ซึ่งไม่ว่าทางใดก็ส่งผลให้สถิติการใช้งานโซเชี่ยลมีเดียลดลง
• มีการสร้างชุมชนในโซเชียลมีเดียมากขึ้น แม้ว่านี่จะไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากกว่าเดิม เราจะเห็นได้ว่า Facebook Group ในปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมากมาย จุดประสงค์หลักของ Group คือ รวมคนที่ชอบและมีความคิดแบบเดียวกันมาไว้ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ที่ต้องการทำการตลาดและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างตรงจุด
• การตลาดแบบ Micro- Influencer การตลาดโดยอาศัย Influencer ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ที่จะเปลี่ยนไปในปี 2020 นี้คือ ไม่จำเป็นที่ Influencer จะต้องมีผู้ติดตามเป็นหลักแสนหรือล้านอีกต่อไปแล้ว เพราะในปัจจุบันผู้คนเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้น การโฆษณาชวนเชื่อที่จับต้องไม่ได้จึงไม่ส่งผลดีอีกต่อไป ซึ่งต่อไปนี้ผู้ที่มีคนติดตามหลักพัน แต่ตรงกับเป้าหมายของธุรกิจก็อาจกลายเป็น Influencer ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ได้ เป็นข้อดีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีงบประมาณมากนัก
ภาพรวมการใช้ Social media ในประเทศไทย
อัตราการใช้งาน Social Media ในไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันพบว่าคนไทยใช้งาน Internet และ Social Media กว่า 50 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดในประเทศประมาณ 70 ล้านคน และมีการเข้าถึง Social Media โดยเฉลี่ย 3 ชั่วโมงต่อวันสำหรับในปี 2020 นี้ ก็มีผู้ใช้รายใหม่เกิดขึ้นจากปีที่แล้วถึง 2.3 ล้านคนเลยทีเดียว
โดยมีแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ Facebook, YouTube, Line ตามลำดับ ส่วนกลุ่มอายุที่ใช้งาน Social Media มากที่สุด คือ วัยทำงานในช่วงอายุ 25-34 ปี ตามด้วย 18-24 ปี และกลุ่มที่ใช้ Social Media น้อยที่สุดคือช่วงอายุ 35-44 ปี
สถิติผู้ใช้งาน Social Media แยกตามแพลตฟอร์ม
• Facebook – ผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยมีประมาณ 47 ล้านคน ยังคงที่จากปีก่อนหน้า อาจเป็นเพราะเกิดความอิ่มตัวของผู้ใช้งาน มี Social Media และสื่ออื่น ๆ เพิ่มขึ้น และผลกระทบจากความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวในการใช้งาน Facebook อีกต่อไป
• Instagram – จำนวนผู้ใช้งาน Instagram ในไทยก็ยังคงที่ไม่ได้เติบโตมากเท่าไหร่เช่นกัน โดยส่วนมากผู้ใช้งาน Instagram เป็นผู้หญิงถึง 63.6% ส่วนผู้ชายมีเพียง 36.4%
• Twitter – แพลตฟอร์มที่ฮอตฮิตในการติดตามข่าวสาร ก็ได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Twitter ในไทย 6.5 ล้านคนแล้ว และแน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงถึงกว่า 78.%
• YouTube – จากสถิติ ผู้ใช้ YouTube 62% เป็นเพศชาย ชอบดูเนื้อหาเกี่ยวกับกีฬา (โดยเฉพาะฟุตบอล) และเกมเป็นหลัก ในขณะที่ 38% ที่เหลือเป็นเพศหญิง ที่ชอบดูคอนเทนต์เกี่ยวกับความงาม โดยเนื้อหาที่คนไทยดูบน YouTube มากที่สุด คือ เพลง โดยเฉพาะเพลงแนวลูกทุ่ง
• Line – มีผู้ใช้ LINE กว่า 194 ล้านคนทั่วโลกในต้นปี 2562 จากสถิติของ We Are Social และ Hootsuite’s Digital 2019 นั้น พบว่ามีผู้ใช้งานแอพฯ Line ทั่วโลกราว 194 ล้านคนในต้นปี 2562 ทำให้ Line ติดอันดับ 1 ใน 20 ของแอพโซเชียลยอดนิยมของโลกในเวลานี้ และยังเป็นหนึ่งในแอพฯ ส่งข้อความที่ยอดนิยมในไทยอีกด้วย
(ข้อมูลอ้างอิงจาก Hootsuite โดย www.adaddictth.com )
พฤติกรรมการใช้งานของสื่อแต่ละรูปแบบ
• Facebook – ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2004 ทั้งผู้ใช้งานและเวลาที่ใช้บนแพลตฟอร์ม ซึ่งถือว่ายังคงเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่ใช้งานมากที่สุดถึงเกือบ 2.45 พันล้านคนต่อเดือน ซึ่งหากเราศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้งาน Facebook อย่างลึกซึ้งก็จะสามารถสร้างความแตกต่างของผลลัพธ์ทางการตลาดได้
• ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มผู้ใช้ Facebook ที่เติบโตเร็วที่สุด ส่วนการใช้งานของวัยรุ่นกลับลดลง เห็นได้จากการวิจัยของ Pew Research (หน่วยงานวิจัย) ที่พบว่าการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในการใช้งาน Facebook ในปี 2019 คือ ผู้ที่เกิดในปี 1945 หรือก่อนหน้านี้ ในปี 2018 มี 26% ที่ใช้ Facebook และเพิ่มขึ้นเป็น 37% ในปี 2019
• 74% ของผู้ใช้ Facebook เข้าสู่ระบบทุกวัน 3 ใน 4 ของผู้ใช้งาน Facebook ทั้งหมด ไม่สามารถออกไปไหนหรือทำอะไรอย่างสบายใจได้โดยไม่เข้าดู Facebook ก่อน และมากกว่า 51% เข้าสู่ระบบหลายครั้งต่อวัน มีผู้ใช้เพียง 9% เท่านั้นที่เข้าสู่ระบบน้อยกว่าหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์
• มีคนใช้งาน Facebook Stories ประมาณ 300 ล้านคน ทุกวัน
• กลุ่มใน Facebook มีมากกว่า 10 ล้านกลุ่ม และมีผู้ใช้งานในกลุ่มถึง 1.4 พันล้านคน
• ผู้ใช้ชมวิดีโอ 85% ของ Facebook โดยไม่มีเสียง ดังนั้นถ้าหากอยากให้วิดีโอน่าสนใจจะต้องเน้นภาพที่ดึงดูดความสนใจของผู้ดู หากมีคำบรรยายก็จะทำวิดีโอแบบไม่มีเสียงเข้าถึงคนดูมากขึ้น
• Instagram – ในช่วงสามปีนับตั้งแต่เปิดตัว Stories ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของสิ่งที่ทำให้ Instagram เป็นที่นิยม 500 ล้านคนใช้ฟังก์ชั่น Stories ของ Instagram ทุกวัน เป็นที่ชัดเจนว่า Stories เป็นช่องทางสำคัญในการทำการตลาด ในแพลตฟอร์มการแชร์ภาพนี้ ผู้ใช้งานจะใช้เวลาเฉลี่ย 28 นาทีต่อวันในปี 2020 เพิ่มขึ้นจาก 27 นาทีในปี 2019 และที่สำคัญ คือ ผู้ใช้งาน Instagram กว่า 200 ล้านคน เข้าไปดูโปรไฟล์ของสินค้าหรือธุรกิจอย่างน้อยหนึ่งโปรไฟล์ทุกวัน และ 62% ของผู้ใช้งาน บอกว่าบอกว่าพวกเขาสนใจแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์มากขึ้นหลังจากได้ดู Stories ดังนั้นหากคุณยังไม่ได้เริ่มใช้ Stories จงเริ่ม ณ บัดนี้
• YouTube – ถ้าจะบอกว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกก็คงไม่ผิดนัก หากนับจากยอดผู้เข้าใช้งานทั่วโลกจำนวน 2 พันล้านคนต่อเดือน มีคนดูวิดีโอบน YouTube ทุกวัน นับได้ถึงหนึ่งพันล้านชั่วโมงต่อวัน และมีการดูเป็นพันล้านครั้ง มีคำที่ค้นหามากที่สุด คือ “how to” ซึ่งเพิ่มขึ้น 70% ทุกปี หมายความว่าหากเราทำเนื้อหาที่เกี่ยวกับ “how to” ได้อย่างน่าสนใจ ก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงผู้ใช้งาน YouTube ได้ ในจำนวนผู้ใช้งาน YouTube ทั้งหมด ส่วนใหญ่ใช้มือถือมากกว่าเดสก์ท็อป เนื่องจากความสะดวก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของเวลาดู YouTube มาจากมือถือ
• Twitter – เป็นเหมือนแพลตฟอร์มสำหรับรายงานข่าวด่วน เป็นช่องทางสำหรับการรับข่าวสารใหม่ ๆ และแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดังกล่าว ข่าวสารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือกีฬา รองลงมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และท้ายสุด คือ การเมือง มีผู้ใช้งาน Twitter จำนวนมาก 330 ล้านคนต่อเดือน และ 145 ล้านคนต่อวัน แน่นอนว่าย่อมมีการตลาดเกิดขึ้น เป็นโอกาสของเจ้าของธุรกิจ
เพราะจากการสำรวจพบว่าผู้ที่ใช้ Twitter เพื่อการบริการลูกค้าจะสามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้ถึง 19% และผู้ใช้ Twitter กว่า 77% จะมองแบรนด์หรือสินค้านั้นเป็นบวกมากขึ้นเมื่อทวีตของพวกเขาได้รับการตอบกลับ และหากต้องการให้ทวีตมีการเข้าถึงมากขึ้นให้เพิ่มรูปภาพไปด้วย เพราะทวีตที่มีรูปภาพจะได้รับการรีทวีตมากขึ้น 150% เลยทีเดียว
• LineOA – เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา Line Thailand ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน Line จากปี 2019 ในงานอีเวนต์ชื่อว่า “Line Nexplosion” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ “ช่วยสร้างธุรกิจยุคใหม่” โดยข้อมูลระบุว่า
• ผู้ใช้ 59% เป็นผู้หญิง และ 41% มีอายุระหว่าง 25-34 ปี และมีจำนวนผู้ใช้งานที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 50% จากปีก่อน
• มีจำนวนชั่วโมงการเข้าใช้งาน Line TV 176 นาทีต่อวัน มากที่สุดในช่วงเวลา 12.00-14.00 น. , 15.00-18.00 น. และ 20.00-22.00 น.
• การโฆษณาใน Line TV เพิ่มขึ้น 67% ต่อปี และ ใน Line Today เพิ่มขึ้นถึง 150%
• มีผู้ใช้งานจำนวน 60% ที่อ่านเนื้อหาใน Line Today ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับความบันเทิง ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สุขภาพ และกีฬา ในช่วงเวลา 18.00-20.00 น. และ 21.00 – 23.00 น.
• เกิดพฤติกรรมใหม่ในผู้ใช้งาน ที่เรียกว่า MONMO ซึ่งย่อมาจาก “Missing Out ‘Now’ is My Option” หมายถึงผู้ใช้งานจะเลือกดูเนื้อหาที่กำลังได้รับความสนใจในช่วงเวลาก็ได้
สินค้าอะไรเหมาะจะขายกับสื่อแบบไหน
Social media ที่กล่าวไปข้างต้นทั้ง Facebook, Instagram, Twitter, YouTube, และ Line เป็นช่องทางที่สามารถขายสินค้าได้อย่างหลากหลายและมีขอบเขตที่กว้างมาก แต่จะมีสินค้าบางกลุ่มที่เหมาะกับSocial Media บางแพลตฟอร์ม และสามารถทำรายได้ให้มากกว่าสินค้าชนิดอื่น
• Facebook – มีสัดส่วนผู้ใช้งานหญิงมากกว่าผู้ชาย และช่วงอายุ 25 – 34 ปีมากที่สุด ดังนั้นสินค้าที่จะขายใน Facebook จึงน่าจะเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มวัยทำงาน เช่น อุปกรณ์สำนักงาน สินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน เสื้อผ้าที่ใส่ได้ทั้งทำงานและชีวิตประจำวัน เป็นต้น
• Instagram -ช่วงอายุที่ใช้งาน Instagram มากที่สุดคือ 25 – 34 ปี และ 18-24 ปี ในไทยมีจำนวนผู้ใช้งานผู้หญิง 64% ซึ่งมีอยู่ 7.7 ล้านบัญชี ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าที่มีแนวโน้มจะขายได้ใน Instagram จึงเป็นสินค้าเกี่ยวกับความสวยความงามและเป็นส่วนใหญ่ เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
• Twitter – สัดส่วนผู้ใช้งานส่วนใหญ่ทั่วโลก คือ กลุ่มอายุ 25 – 49 ปี ซึ่งอยู่ในวัยทำงาน เป็นผู้หญิงมากถึง 78% จำนวน 1,430,000 บัญชี สินค้าที่ควรขายใน Twitter จึงควรเป็นสินค้าที่ผู้หญิงในวัยทำงานให้ความสนใจ เช่น แฟชั่นในออฟฟิศ เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้สำนักงานน่ารัก ๆ
• YouTube – มีผู้ใช้งานผู้ชาย 55% และผู้หญิง 45% เป็นจำนวนที่ไม่แตกต่างกันนัก สินค้าที่จะโฆษณาใน YouTube และได้รับผลดีจึงอาจจะเป็นทั้งสินค้าที่ผู้หญิงและผู้ชายสนใจพอ ๆ กัน เช่น สินค้าไอที แฟชั่น และสินค้าเกี่ยวกับความงาม
• Line – จากสถิติของ Priceza ที่ได้รวบรวมข้อมูลร้านค้าต่างๆผ่าน Line Shopping พบว่า สินค้าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดได้แก่ เครื่องประดับ แฟชั่น สินค้าที่เกี่ยวกับความสวยความงาม
หากรู้ถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการใดก็มีโอกาสเข้าถึงผู้บริโภคได้ เพียงแต่สิ่งที่เราจะนำเสนอต้องไม่กลืนไปกับเนื้อหาที่มีเหมือน ๆ กันอยู่เต็ม Social media เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คนก็จะเลื่อนผ่านไป ต้องสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ สร้างสรรค์ ไม่น่าเบื่อ! เช่น ทำวิดีโอสั้น ๆ แต่มีคุณภาพ เนื้อหาครบถ้วน จะมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า
Source
Socialmediatoday
Adaddictth
Nationthailand
