
Google ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1998 ด้วยเทคโนโลยี Search Engine ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้เพียงแค่ปลายนิ้ว โดยปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของการเข้าถึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่มาอยู่บนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด สิ่งที่ยังคงอยู่ก็คือ Google Search และกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการซื้อขายสินค้าในตลาด E-Commerce
‘สิรีธร พรหมมาวิน’ Senior Search Quality Analyst, Google ได้มาร่วมแบ่งปันความรู้และเทคนิคการสร้าง Google SEO สำหรับธุรกิจ E-Commerce ในงาน Priceza E-Commerce Summit 2020
เข้าใจการทำงานของ Google ในการสร้าง Search Engine
- เริ่มต้นด้วยขั้นตอนแรกของการทำงาน Crawling หรือ Google Bot ในการค้นหาเว็บไซต์ต่างๆที่มีอยู่บนโลก ทั้งนี้หากเว็บไซต์ของผู้ประกอบการที่มีสินค้าจำนวนมาก และมีการเปลี่ยนแปลง อาทิ มีสินค้าตัวใหม่ อัปโหลดรูปภาพใหม่ๆ ทางกูเกิลจะไม่สามารถรู้ได้ทันทีถึงการเปลี่ยนแปลง จึงต้องใช้เครื่องมือ (Tools) ที่เรียกว่า Search Console เพื่อเป็นตัวบอกให้กูเกิลทราบถึงการเปลี่ยนแปลงบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้น
- ตามมาด้วยขั้นตอนที่ 2 Indexing หลังจากที่มีการส่ง Google Bot ไปค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ แล้วจะนำมาเก็บไว้ในดัชนีของกูเกิล ทั้งนี้ในการสร้างเว็บไซต์หรือ E-Marketplace ที่มีจำนวนหน้าเว็บไซต์หลายหน้าและมีความคล้ายกัน ดัชนีของกูเกิลจะเลือกเก็บไว้เพียงหน้าเดียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเขียน Description ของข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจง่ายรวมถึงต้องดึงดูดใจ
- ขั้นตอนสุดท้ายคือ Ranking หรือการจัดอันดับ โดยการใช้สัญญาณกว่า 200 สัญญาณ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหาตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด นอกจากนี้การเซิร์ชคำใหม่บนกูเกิลอยู่ที่ประมาณวันละ 15% ดังนั้นการจัดอันดับที่ได้จะเป็นการจัดอันดับแบบเรียลไทม์ไม่มีการจัดอันดับล่วงหน้า
หลักการสร้างเว็บไซต์ธุรกิจ E-Commerce
- สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ เว็บไซต์ต้องเซิร์ช (Search) บนกูเกิลได้และเว็บไซต์ต้องบอกสิ่งที่ต้องการให้ผู้ใช้รับรู้อย่างชัดเจนภายใน 2-3 บรรทัด โดยต้องดึงดูด แตกต่าง ไม่เหมือนใครทั้งในส่วนของ Title และ Description ถัดมาคือจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของคุณได้ใช้งาน Special Feature ต่างๆ บนกูเกิล สำหรับ Special Feature ในตลาดอีคอมเมิร์ชไทยจะมีรูปแบบที่แสดงถึงเรตติ้ง (Rating) ของสินค้า ที่มีทั้งรูปสินค้า ราคาสินค้า ตลอดจนบอกได้ว่าสินค้าชนิดนี้ยังมีอยู่ในสต็อกหรือไม่ รวมถึงยัง Special Feature ที่เรียกว่า Image Search โดยสามารถกดที่รูปสินค้าจะทราบถึงข้อมูลราคา และยังสามารถซื้อสินค้าได้ทันที ซึ่งใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Structured Data มีส่วนช่วยให้กูเกิลเข้าใจถึงข้อมูลของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นราคา รูป เรตติ้งอยู่ในส่วนใด
- ส่วนที่ 3 คือการสร้างประสบการณ์ (Experience) ที่ดีให้กับผู้ใช้เว็บไซต์ โดยต้องออกแบบเว็บไซต์ให้ถูกใจกลุ่มผู้ใช้งาน ซึ่งประสบการณ์ของเว็บไซต์ที่ดีอยู่ที่ความเร็ว หมายความว่าต้องอัปโหลด (Upload) รวดเร็ว ตลอดจนเป็นมิตรกับอุปกรณ์ ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์ต้องเปิดใช้งานได้ทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หากเว็บไซต์มีทั้งความเร็วและเข้าถึงอุปกรณ์หลากหลาย ก็ช่วยสร้างในส่วนของการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่มากขึ้น และเมื่อ Engagement มากขึ้นก็จะส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้เว็บไซต์ต้องมีความปลอดภัย โดยควรเปลี่ยนมาใช้ https แทนการใช้ http ที่บุคคลอื่นหรือแฮกเกอร์(Hacker) เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้หรือลูกค้าได้ง่ายกว่า
- ส่วนที่ 4 ใช้ Data ให้มากขึ้น การสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด Data SEO เป็นส่วนสำคัญที่ควรนำมาประกอบการกำหนดกลยุทธ์ ที่จะมีทั้งจำนวนการคลิกเว็บไซต์เท่าไร หรือใครบ้างที่อยู่บนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งทำได้โดยการใช้เครื่องมือ Search Console และส่วนสุดท้ายคือรูปภาพ Image Search ซึ่งปัจจุบันมีการช้อปผ่าน Image Search เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นรูปภาพที่ใช้ควรมีความละเอียดที่สูง หลากหลายมุม พร้อมระบุคำบรรยายภาพ (Caption) ให้ชัดเจน อาทิ ระบุกลุ่มเป้าหมายของสินค้านั้นไปในคำบรรยายภาพ รวมถึงการตั้ง File Name ที่มีความดึงดูดและชัดเจนด้วยเช่นกัน
สร้างความเชื่อสร้างยอดขาย
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องมีเว็บไซต์ของตัวเองในเมื่อก็มีอีคอมเมิร์ชอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ถือเป็นอีกความน่าเชื่อถือหนึ่งของแบรนด์ อาทิ หากลูกค้าเจอสินค้าตามโฆษณาต่างๆ แล้วนำมาเซิร์ช (Search) หาข้อมูลเพิ่มเติมแต่ไม่พบเว็บไซต์ ก็อาจจะลดความน่าเชื่อถือของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ นอกจากนี้การมีเว็บไซต์ของตัวเองเราสามารถสร้างหรือปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการมากกว่าอีมาร์เก็ตเพลส รวมไปถึงเพิ่มเติมในส่วนของ Special Feature ได้ตามต้องการและสิ่งสำคัญคือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ (Branding)
ตลอดจนความกังวลในการขายสินค้าในหลากหลายช่องทางทั้งเว็บไซต์ (Website) โซเชียลมีเดีย (Social Media) อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่อาจมีผลต่อ Ranking บนกูเกิล แม้คำบรรยายรายละเอียดสินค้าทุกช่องทางการขายจะเหมือนกัน แต่กูเกิลจะไม่ตัดช่องทางใดช่องทางหนึ่งออกจาก Index ทั้งนี้มองว่าทุกช่องทางคือ Free Market ไม่มีผลเสียที่จะอยู่ทุกช่องทางการขาย
สนใจเริ่มต้นขายของออนไลน์ โดยให้ Priceza เป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษา? สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อให้เราทราบว่าคุณต้องการให้เราช่วยในด้านไหนได้เลยค่ะ